ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์เทคโนโลยีดอทเรจจิงท็อปปิค รายงานเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมระบุว่า หลังจากนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของสเปซเอ็กซ์และบอริง คอมพะนี ทวีตข้อความเกี่ยวกับแนวความคิดเรื่องการจัดทำอุปกรณ์อัดอากาศสำหรับช่วยเหลือ 13หมูป่า ออกจากถ้ำหลวง ที่เรียกว่าเอสเคป พ็อด หรือ เรสคิว พ็อด ทำให้ นาย แอนดรูว์ บรานาฟ ซีอีโอของบริษัท วิง อินแฟลเทเบิลส์ ผู้ผลิตแพยาง และเรือยางพองลม ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองอาร์คาตา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ได้แนวความคิดในการผลิตพ็อดช่วยชีวิตของบริษัทออกมา โดยใช้หลักการเดียวกับที่ มัสก์ ทวีตเอาไว้
นายบรานาฟ ระบุว่าตนและทีมวิศวกรของบริษัท ดัดแปลงแนวคิดของมัสก์เสียใหม่ โดยอาศัยรูปแบบตอร์ปิโด เป็นต้นแบบ ทีมงานพากันออกแบบอย่างเร่งรีบ ตั้งแต่การร่างแบบในกระดาษแล้วจัดทำต้นแบบ 3 มิติด้วยโปรแกรมออกแบบในคอมพิวเตอร์ ตัดและประกอบกันสดๆ โดยดึงเอากำลังพนักงานประจำโรงงานเดิมของบริษัท ที่ แคลิฟอร์เนีย บาร์เรล บนถนนซามัว บูเลอวาร์ด ออกจากงานประจำมาครึ่งหนึ่ง โดยใช้พนักงาน 30 คนและต้องใช้ทีมบริหารจัดการของโรงงานทั้งหมดเพื่อการนี้ ซึ่งแม้จะทำให้ผลผลิตลดลงครึ่งหนึ่ง แต่ตนไม่ได้สนใจว่าต้องสิ้นเปลืองเท่าใด แต่ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จให้ได้
นายบรานาฟ เปิดเผยว่า โครงการเร่งด่วนนี้เริ่มตั้งแต่ 09.30 น.ของวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา จนสามารถได้ต้นแบบ ความยาว 7 ฟุต (2.13 เมตร) สีส้มสดและดำ ผลิตจากโพลียูรีเทนผนึกเข้าด้วยกันด้วยตีนตุ๊กแกหรือเวลโคร ตัวพ็อดสามารถพองลมได้ โดยอาศัยอากาศจากถังออกซิเจนที่เด็กๆ ใช้หายใจพร้อมกันไปด้วย มีช่องด้านข้างสำหรับสอดตัวเข้าไปภายใน มีรูด้านบน เพื่อปรับระดับการลอยตัว ด้านข้างมีทุ่นลอยประกบเมื่อต้องกาลอยอยู่เหนือผิวน้ำ
บรานาฟระบุว่า ต้นแบบชุดแรกพร้อมสำหรับการทดสอบเมื่อเวลา 13.00 น. โดยใช้สระชุมชนของเมืองอาร์คาตา เป็นสถานที่ทดสอบประสิทธิภาพ โดยมี นายชาร์ลี นอททรอฟฟ์ ครูฝึกดำน้ำขึ้นทะเบียน เป็นผู้กำกับดูแลการทดลองดังกล่าว ซึ่งใช้คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นทดลองใช้งาน พ็อดช่วยชีวิตกล่าวซึ่งบรานาฟ ระบุว่า ได้ผลสมบูรณ์แบบตามที่วางแผนเอาไว้
นายบรานาฟ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 17.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นเครื่องบินเจ็ทของอีลอน มัสก์ ก็เดินทางมารับอุปกรณ์ทั้งหมดที่ผลิตได้ล็อตแรก 5 ตัวเพื่อจัดส่งมายังประเทศไทย โดยจะจัดส่งอีก 8 ตัวตามมาในวันที่ 7 กรกฎาคม
