สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงระบุเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมว่า ผู้ก่อเหตุที่เป็นรัฐชาติอาจอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ใส่สิงคโปร์ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยอ้างถึงระดับความใหญ่โตและการใช้ทักษะขั้นสูงในการเจาะระบบ
สิงคโปร์ประกาศเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมว่า แฮกเกอร์ได้เจาะระบบฐานข้อมูลของรัฐบาลและขโมยบันทึกด้านสุขภาพของชาวสิงคโปร์ 1.5 ล้านคนซึ่งรวมถึงของนายกรัฐมนตรีลี เซียน หลุง ที่ตกเป็นเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง ในการโจมตีที่ “ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
รัฐมนตรีสาธารณสุขของสิงคโปร์ระบุว่า การโจมตี “มีเป้าหมายเฉพาะ ไตร่ตรองไว้ก่อน และวางแผนมาเป็นอย่างดีและไม่ใช่ผลงานของแฮกเกอร์มือสมัครเล่นหรือแก๊งอาชญากรรมแน่นอน”
อย่างไรก็ตาม ทางการปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวตนของแฮกเกอร์ โดยอ้าง “การปฏิบัติการด้านความมั่นคง” แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าความสามารถขั้นสูงในการโจมตีและการพุ่งเป้าหมายในระดับสูงอย่างนายกรัฐมนตรีทำให้ชี้ได้ว่าผู้ลงมือเป็นระดับรัฐชาติ
“รัฐที่กระทำการจารกรรมทางไซเบอร์สามารถยกระดับการข่มขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพที่ละเอียดอ่อนเพื่อบีบบังคับให้บุคคลที่ถูกจารกรรมข้อมูลทำในสิ่งที่ส่งผลประโยชน์ให้ตนเองได้” นายเอริก โฮ ประธานสาขาเอเชีย-แปซิฟิกของไฟเออร์อาย บริษัทด้านความมั่นคงทางไซเบอร์กล่าว
นายโฮเปิดเผยกับแชนแนลนิวส์เอเชียว่าการโจมตีนี้เป็น “ภัยคุกคามที่ล้ำสมัย และว่า “ธรรมชาติของการโจมตีกระทำโดยรัฐชาติที่ใช้เครื่องมือล้ำสมัย มีเงินทุนและอุปกรณ์สนับสนุนอย่างเพียบพร้อมและใช้ทักษะความสามารถขั้นสูง”