สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ว่าคลื่นความร้อนที่พัดถล่มประเทศญี่ปุ่นในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 15 ราย และอีกกว่า 12,000 คน ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นถึงเกือบ 40 องศาเซลเซียส โดยข้อมูลของทางการล่าสุดที่ออกมาเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตเนื่องจากโรคลมแดดสัปดาห์ที่ผ่านมาสูงถึง 12 คน หลังจากที่สัปดาห์ก่อนหน้ามีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 3 ราย
สำนักงานบริหารจัดการอัคคีภัยและภัยพิบัติของญี่ปุ่น แจ้งว่า ช่วงสัปดาห์กลางเดือนกรกฎาคม มีผู้ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลถึงกว่า 9,900 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีเพียง 2,700 คน ขณะที่สถานการณ์ความร้อนในญี่ปุ่นยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นในเร็ววัน
ขณะที่สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมเพียงวันเดียว มีผู้เสียชีวิตเนื่องจากโรคลมแดดอย่างน้อย 11 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และวันเดียวกัน มีการเรียกรถพยาบาลในกรุงโตเกียวมากถึง 3,091 ครั้ง
ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น แจ้งว่า อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วประเทศญี่ปุ่นในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม อยู่ที่ 35 องศาเซลเซียส ส่วนเมืองที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดในช่วงดังกล่าวคือเมืองกูโจ ที่วัดอุณหภูมิได้สูงถึง 39.8 องศาเซลเซียส ขณะที่บางพื้นที่ของกรุงโตเกียว อุณหภูมิสูงถึง 37 องศาเซลเซียส
พร้อมกันนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น ยังออกประกาศเตือนสภาพอากาศที่จะร้อนจัดขึ้นไปอีกตามเกาะหลักๆ ของญี่ปุ่น พร้อมกับเตือนว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคลมแดดสูง จึงขอให้ประชาชนดื่มน้ำให้มากๆ และปิดบ้าน เปิดเครื่องปรับอากาศ
ด้านกระทรวงการศึกษาญี่ปุ่น ได้แจ้งไปยังโรงเรียนต่างๆ ให้เลื่อนการทำกิจกรรมกลางแจ้งออกไปในวันที่อากาศร้อนจัด โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานเด็กชายวัย 6 ขวบ เสียชีวิตเนื่องจากโรคลมแดด หลังจากทำกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว
