เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม บลูมเบิร์กรายงานว่าค่าเงินหยวนของจีนกลับมาเป็นประเด็นกังวลหลักของนักลงทุนในตลาดเกิดใหม่อีกครั้งจากที่การเผชิญหน้ากันอย่างดิ่งลึกมากขึ้นระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในเรื่องการค้าเป็นภัยคุกคามที่จะค่อยๆ พัฒนาเป็นสงครามค่าเงิน
จากการที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้า การอ่อนค่าของเงินหยวนกระตุ้นให้เกิดความกังวลว่าจีนอาจอ้าแขนรับการอ่อนค่าโดยมีจุดประสงค์ในฐานะเป็นเครื่องมือทางนโยบาย
นั่นเป็นการจุดชนวนให้เกิดความโกรธเคืองจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ที่กล่าวหาจีนและสหภาพยุโรป (อียู) ว่าแทรกแซงค่าเงินของตนเอง
นางหัว ชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า จีนไม่มีความปรารถนาที่จะส่งเสริมขีดความสามารถในการส่งออกผ่านการลดค่าเงินขณะที่กลไกทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของประเทศให้การสนับสนุนค่าเงินของประเทศอยู่แล้ว
“ค่าเงินหยวนมีผลทำให้ความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน และยิ่งมากขึ้นต่อเอเชีย” นายเอ็ดวิน กูเตียร์เรซ ผู้อำนวยการฝ่ายหนี้สาธารณะในตลาดเกิดใหม่ของบริษัทอเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสต์เมนต์ส ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษกล่าว และว่า “แต่เรามั่นใจว่าจีนจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่เป็นระเบียบหลังจากที่เพิ่งจะเอาชนะการไหลออกของเงินทุนได้ พวกเขาจะไม่ปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างชัดเจน”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารประชาชนจีน (พีบีโอซี) กำหนดค่าเงินอยู่ที่อ่อนกว่า 6.7 หยวนต่อดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี และเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเพิ่งจะลดอัตราอ้างอิงเงินหยวนลงต่ำที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี ขณะที่เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พีบีโอซีปรับอัตราอ้างอิงเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้น 0.12 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 6.7593 หยวนต่อดอลลาร์ แม้ว่าจะยังคงอ่อนค่ากว่าที่นักค้าและนักวิเคราะห์คาดไว้
