สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม อ้างนักดาราศาสตร์จากนานาชาติ ประกาศการค้นพบทะเลสาบที่มีน้ำอยู่ใต้พื้นผิวดาวอังคารเป็นครั้งแรก เพิ่มความหวังที่จะพบน้ำเพิ่ม รวมถึงมีโอกาสที่จะพบสิ่งมีชีวิตมากขึ้น
รายงานข่าวระบุว่า การค้นพบครั้งนี้ใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า มาร์ซิส (MARSIS) มีหลักการทำงานคล้ายกับเรดาร์คือ ปล่อยสัญญาณคลื่นวิทยุออกไปยังตำแหน่งเป้าหมาย คลื่นวิทยุสามารถทะลุลงไปใต้พื้นผิวดาวได้ถึง 3 กิโลเมตร และสะท้อนกลับมายังอุปกรณ์รับสัญญาณ ข้อมูลของสัญญาณที่สะท้อนกลับมาจะสามารถบ่งบอกได้ถึงสภาพสถานะของชั้นใต้ผิวดาว พบว่าบริเวณที่อยู่ใกล้กับขั้วใต้ของดาว เรียกว่า “เพลนัม ออสเทรล” มีชั้นของทะเลสาบหนา 1 เมตร กว้าง 20 กิโลเมตร อยู่ลึกลงไปจากพื้นผิว 1.5 กิโลเมตร
รายงานตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารไซน์ส วารสารวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาระบุว่า ทะเลสาบดังกล่าวมีความกว้าง 20 กิโลเมตรอยู่ใต้พื้นผิวน้ำแข็งของดาวอังคารความลึก 1.5 กิโลเมตร อุณหภูมิ -68 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอาจไม่ใช่น้ำบริสุทธิที่จะไม่สามารถอยู่ในสภาพของเหลวได้ โดยคาดว่าอาจเป็นน้ำเกลือที่มีความเข้มข้นสูง
ด้านผู้จัดการโครงการมาร์สเอ็กเพรส ระบุในการแถลงข่าวว่า มีน้ำอยู่ที่นั่นอย่างไม่ต้องสงสัย
“นี่เป็นผลที่น่าตกใจที่พบว่ามีน้ำบนดาวอังคาร มันไม่ได้เป็นเพียงหยดน้ำที่เคยพบก่อนหน้านี้ แต่มันเป็นการคงอยู่ของน้ำที่มีสภาวะแวดล้อมสำหรับส่งมีชีวิตในช่วงเวลาหนึ่ง” อลัน ดัฟฟี รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยสวินเบิร์น ประเทศออาเตรเลียระบุ
รายงานระบุด้วยว่าการที่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำนั้นจะช่วยให้มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในภารกิจส่งคนสู่ดาวอังคาร ที่องค์การนาซ่าเตรียมดำเนินการภายในปี 2030 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ดาวอังคารนั้นหนาวเย็น แห้งแล้ง แต่ก่อนหน้านี้เคยมีความอบอ่อนและชุ่มชื้น โดยมีน้ำและทะเลสาบอยู่จำนวนมากในช่วงเวลาอย่างน้อย 3,600 ล้านปีก่อน ขณะที่นักวิทยาศาสตร์นั้นพยายามค้นหาสัญญาณของน้ำในยุคปัจจุบันเนื่องจากมันอาจนำไปสู่การไขปริศนาว่าเคยมีสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารหรือไม่ หรือไขปริศนาว่ามีส่งมีชีวิตบนดาวอังคารในปัจจุบันหรือไม่