นักวิทย์ชี้หลักฐานชัด สภาพอากาศสุดโต่งเลวร้ายมากขึ้นมาจากฝีมือมนุษย์

(AP Photo/Noah Berger)

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า คลื่นความร้อนส่งผลให้เกิดอุณหภูมิสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ทั่วโลกอีกครั้ง โดยยุโรปต้องเผชิญไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบศตวรรษ และหนึ่งในไฟป่ารุนแรงจากเกือบ 90 ครั้งที่เกิดขึ้นทางภาคตะวันตกของสหรัฐได้เผาไหม้บ้านเรือนหลายสิบหลัง ทำให้ต้องมีการอพยพประชาชนอย่างน้อย 37,000 คนใกล้กับเมืองเรดดิง รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่ภาคตะวันออกของสหรัฐเกิดฝนตกหนักจนน้ำท่วมในสัปดาห์นี้

นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า แม้จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูร้อนแต่ทั้งหมดถูกทำให้ย่ำแย่ลงโดยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์

ญี่ปุ่นวัดอุณหภูมิได้แตะ 41 องศาเซลเซียสเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับที่ร้อนที่สุดตลอดกาล ขณะที่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ เมน ไวโอมิง โคโลราโด ออริกอน นิวเม็กซิโก และเทกซัสของสหรัฐวัดได้ต่ำกว่านั้นเล็กน้อย ส่วนในยุโรปก็ร้อนอย่างบ้าคลั่ง โดยนอร์เวย์ สวีเดน และฟินแลนด์ ที่ปกติมีอากาศเย็น มีระดับอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ทะลุ 32 องศาเซลเซียส และจนถึงเดือนนี้ มีสถานที่ 118 แห่งทั่วโลกที่วัดอุณหภูมิได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อ้างอิงจากองค์การบริหารสมุทรศาสตร์และชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (โนอาห์)

“ถึงตอนนี้เรามีหลักฐานที่หนักแน่นอย่างมากว่าภาวะโลกร้อนได้ยกระดับขึ้นอีก และเพิ่มอัตราที่จะเกิดสภาพอากาศสุดโต่งอย่างความร้อนจัดและฝนตกหนัก” โนอาห์ ดิฟเฟนบอห์ นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดกล่าว และว่า “เราพบว่าภาวะโลกร้อนเพิ่มโอกาสที่จะเกิดความร้อนระดับประวัติการณ์มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก และเพิ่มโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับน้ำในระดับประวัติการณ์ราวครึ่งหนึ่งทั่วโลก”

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image