สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นินเทนโดเปิดเผยเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมว่ารายได้สุทธิของไตรมาสที่ผ่านมาระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 43.9 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 30,600 ล้านเยนหรือคิดเป็น 275 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9,100 ล้านบาท) ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 88.4 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 30,500 ล้านเยน (ราว 9,095 ล้านบาท)
บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเกียวโตแห่งนี้ระบุว่า รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 9.1 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 168,160 ล้านเยน (ราว 50,000 ล้านบาท) และคาดว่าความต้องการเครื่องเล่นเกมคอนโซล “นินเทนโดสวิตช์” จะยังคงแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลัง
“สำหรับนินเทนโดสวิตช์ ยอดขายเครื่องมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคนับตั้งแต่งานวิดีโอเกม อี3 ที่จัดขึ้นในสหรัฐเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา” แถลงการณ์ของนินเทนโดระบุ
“และนอกจากยอดขายดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นแล้ว ยอดขายซอฟต์แวร์ก็อยู่ในทิศทางที่ดีก่อนหน้าที่จะเข้าสู่เทศกาลวันหยุดด้วย”
ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ผ่านมา นินเทนโดจำหน่ายเครื่องเกมคอนโซลนินเทนโดสวิตช์ไปได้ 1.88 ล้านเครื่อง ลดลง 4.4 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่เครื่องสวิตช์เพิ่งจะออกมาได้ไม่นาน
ในช่วงเวลาเดียวกันนินเทนโดจำหน่ายซอฟต์แวร์ไปได้ 17.96 ล้านหน่วย มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 2 เท่า โดยเกม “ดองกี้คองคันทรี: ทรอปิคัลฟรีซ” จำหน่ายไปได้ถึง 1.4 ล้านชุดทั่วโลกนับตั้งแต่ออกวางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤษภาคม ขณะที่ “มาริโอ เทนนิส เอสเซส” ที่ออกวางตลาดเมื่อเดือนมิถุนายนจำหน่ายไปได้ 1.38 ล้านชุด
ขณะที่ “นินเทนโดลาโบ” อุปกรณ์เสริมของนินเทนโดสวิตช์ ขายไปได้ 1.39 ล้านชุด แสดงให้เห็นถึงการประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีของการนำเสนอวิธีการเล่นเกมในรูปแบบใหม่
