สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกา ยอมรับเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของตนเองพบปะกับเจ้าหน้าที่รัสเซียเมื่อปี 2559 ที่ทรัมป์ทาวเวอร์ ในนครนิวยอร์ก สหรัฐ เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต โดยระบุว่าเป็นเรื่องถูกกฎหมายทั้งหมด และ “ทำไปทั้งหมดในทางการเมือง”
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ระบุว่า การพบกันเป็นการหารือเกี่ยวกับเรื่องการรับเลี้ยงเด็กชาวรัสเซียของชาวอเมริกัน แต่ทวีตของทรัมป์เมื่อเช้าวันดังกล่าวเป็นการแถลงที่ตรงไปตรงมาที่สุดในเรื่องจุดประสงค์ของการพบปะกัน แม้ว่านายทรัมป์จูเนียร์และคนอื่นๆ ได้เปิดเผยไปแล้วว่าเป็นการรวบรวมข้อมูลในทางเสียหายของนางคลินตัน
นอกจากนี้ ในทวีตอีกข้อความหนึ่ง นายทรัมป์ยังได้ปฏิเสธรายงานข่าวในวอชิงตันโพสต์และซีเอ็นเอ็นที่ระบุว่าเขาเป็นกังวลว่านายทรัมป์ จูเนียร์ อาจประสบปัญหาด้านกฎหมายจากการพบปะกับรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทนายความที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลรัสเซีย
นายทรัมป์ยังย้ำอีกด้วยว่า ไม่รู้เรื่องการหารือครั้งนี้ก่อนล่วงหน้า
“รายงานข่าวปลอม กุเรื่องขึ้นมาทั้งหมด ว่าผมเป็นกังวลเกี่ยวกับการพบปะกันที่ทรัมป์ทาวเวอร์ซึ่งโดนัลด์ลูกชายของผมเข้าร่วม ที่เป็นการหาข้อมูลของคู่แข่ง ทำไปโดยถูกกฎหมายทั้งหมด และทำไปทั้งหมดในทางการเมือง และไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น ผมไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ”
ทั้งนี้ ทีมหาเสียงเลือกตั้งมักจะค้นหาและศึกษาวิจัยข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่ง แต่ไม่ใช่จากผู้แทนของต่างชาติที่ถูกมองว่าเป็นศัตรู โดยเจ้าหน้าที่ทางการรัสเซียหลายคนตกอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรจากสหรัฐอยู่ในเวลานั้น
นายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ผู้สอบสวนพิเศษ กำลังตรวจสอบว่าสมาชิกทีมหาเสียงของนายทรัมป์ ร่วมมือกับรัสเซียเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้ตนเองหรือไม่ ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียปฏิเสธว่ารัฐบาลของเขาไม่ได้แทรกแซงแต่อย่างใด
ส่วนหนึ่งของการสอบสวนเน้นไปที่การพบปะกันเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2559 ที่ทรัมป์ทาวเวอร์ ระหว่างนายทรัมป์จูเนียร์ และผู้ช่วยในทีมหาเสียงเลือกตั้งคนอื่นๆ กับทีมงานของรัสเซียกลุ่มหนึ่ง
อีเมล์ที่เผยแพร่โดยนายทรัมป์จูเนียร์แสดงให้เห็นว่าเขาสนใจในการพบปะหารือครั้งนี้เพราะมีความเป็นไปได้ว่าทีมงานหาเสียงของนายทรัมป์จะได้รับข้อมูลที่จะสร้างความเสียหายให้นางคลินตัน
ข่าวระบุว่า นายทรัมป์ปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าว่าทีมหาเสียงของเขาไม่ได้ร่วมมือกับรัฐบาลรัสเซีย โดยกล่าวว่า “ไม่มีการสมรู้ร่วมคิด”
อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเปลี่ยนท่าทีใหม่ตามคำแนะนำของทีมกฎหมายโดยกล่าวว่า “การสมรู้ร่วมคิดไม่ได้เป็นการก่ออาชญากรรม”
