คณะกรรมการบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟซี) ระบุหลังการประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก ประจำฤดูใบไม้ผลิ เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมาเรียกร้องให้กลุ่มประเทศสมาชิกไอเอ็มเอฟใช้จ่ายเงินงบประมาณที่ “เป็นมิตรกับการเติบโต” และเรียกร้องให้ไอเอ็มเอฟมองหาเครื่องมือสำหรับการกู้ยืมเงินใหม่ๆ เพื่อช่วยรับมือกับการเติบโตที่ชะลอตัวลง
คริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ระบุว่าแม้ว่าสถานการณ์ในตลาดโลกจะสงบลง ส่งผลให้ความตึงเครียดของการประชุมของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกครั้งล่าสุดลดลง แต่ตลาดโลกยังคงมีความเสี่ยงกับอุปสงค์ที่อ่อนแอ โอกาสที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำลง
ด้านไอเอ็มเอฟซีแถลงว่า การคาดการณ์ความเสี่ยงของตลาดโลกแง่ลบในอนาคตนั้นเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเศรษฐกิจชะลอตัวและการถอนกระแสเงินทุนอย่างฉับพลัน ดังนั้นไอเอ็มเอฟซีจึงเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกงดเว้นจากการใช้นโยบายคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศรวมถึงนโยบายที่ลดความสำคัญของการแข่งขัน และปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสะท้อนควมเปลี่ยนแปลงโดยรากฐาน นอกจากนี้ แถลงการณ์ของไอเอ็มเอฟซียังระบุด้วยว่า การผสมผสานนโยบายอย่างแข็งแรงและสมดุลมีความจำเป็นเพื่อกระตุ้นการเติบโตและหลีกเลี่ยงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่นโยบายด้านการเงินเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ
“นโยบายการใช้จ่ายงบประมาณที่เป็นมิตรกับการเติบโตนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกๆประเทศ” ไอเอ็มเอฟซีระบุ และว่านโยบายการเงินแบบผ่อนคลายควรมีอยู่ต่อไปในประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศ ขณะที่การปฏิรูปเชิงโครงสร้างควรจะมีการนำมาใช้พร้อมกับนโยบายที่สนับสนุนอุปสงค์และช่วยเหลือแรงงานที่ต้องตกงานด้วย
ทั้งนี้แถลงการณ์ของไอเอ็มเอฟซีระบุเรียกร้องให้ไอเอ็มเอฟทบทวนเครื่องมือในการกู้ยืมเพื่อแสวงหาเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อช่วยประเทศสมาชิกบริหารจัดการความไม่แน่นอน ซึ่งรวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินด้วย
