สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ธนาคารกลางตุรกีประกาศเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมว่า พร้อมที่จะใช้ “มาตรการทุกอย่างที่จำเป็น” ในการรับรองเสถียรภาพทางการเงินหลังการพังทลายของเงินสกุลลีรา โดยให้สัญญาว่าจะสนับสนุนธนาคารต่างๆ ให้มีสภาพคล่องทางการเงิน
“ธนาคารกลางจะเฝ้าจับตามองความลึกของตลาดและรูปแบบของราคาอย่างใกล้ชิด และใช้มาตรการทั้งหมดเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด หากว่ามีความจำเป็น” ธนาคารกลางตุรกีระบุในแถลงการณ์ที่ประกาศกร้าวว่าจะให้การ “สนับสนุนสภาพคล่องทั้งหมดที่ธนาคารพาณิชย์ต้องการ”
แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่เงินลีราตุรกีดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐท่ามกลางความขัดแย้งทางการทูตกับสหรัฐที่ขยายวงกว้างขึ้น
การควบคุมตัวบาทหลวงชาวสหรัฐ แอนดรูว์ บรุนสัน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2559 ที่ผ่านมาในข้อกล่าวหาก่อการร้าย ได้จุดชนวนให้เกิดวิกฤตครั้งร้ายแรงที่สุดในด้านความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติสมาชิกพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในรอบหลายปี
ธนาคารกลางตุรกีประกาศมาตรการเป็นชุดในวันนี้ 1 วันหลังจากที่นายเบรัต อัลเบย์รัก รัฐมนตรีคลังตุรกี ลูกเขยของประธานาธิบดีเรเจพ เทย์ยิป แอร์โดอาน ประกาศแผนการที่จะออกมาตรการในเร็วๆ นี้
“ในกรอบของการอำนวยความสะดวกในช่วงการเคลื่อนไหวระหว่างวันและในช่วงข้ามคืน ธนาคารกลางจะให้ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องทั้งหมดที่ธนาคารพาณิชย์ต้องการ” ธนาคารกลางระบุ
ธนาคารกลางตุรกียังได้ปรับเปลี่ยนกฎการดำรงทรัพย์สินสภาพคล่องหรือข้อกำหนดให้มีเงินสดสำรองสำหรับธนาคารพาณิชย์ใหม่ เป็นย่างก้าวที่มุ่งขจัดปัญหาด้านสภาพคล่องเช่นกัน
ด้านบลูมเบิร์กรายงานด้วยว่า ธนาคารกลางตุรกีระบุว่าการปรับเปลี่ยนกฎครั้งล่าสุดจะทำให้มีสภาพคล่องในระบบการเงินของตุรกีเพิ่มอีกเท่ากับประมาณ 10,000 ล้านในสกุลเงินลีรา 6,000 ล้านในสกุลดอลลาร์สหรัฐ และเท่ากับสภาพคล่องของทองคำในมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ธนาคารกลางตุรกีที่ข่าวระบุว่าเป็นอิสระแค่เพียงในนาม ยังเมินเฉยต่อแรงกดดันให้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยที่นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่าเป็นวิธีการแก้ปัญหาการร่วงลงของค่าเงินลีรา โดยนายแอร์โดอานกล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า อัตราดอกเบี้ยเป็น “เครื่องมือในการหาประโยชน์” ที่ทำให้คนจนยากจนมากขึ้นอีกและคนรวยรวยขึ้น
