สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม จากการที่ตุรกีเผชิญวิกฤตค่าเงินที่เลวร้ายลงอีก ส่งผลให้นักลงทุนทิ้งหุ้นและหลักทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ หนีไปถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากกว่า อาทิ พันธบัตรรัฐบาลและเงินสกุลดอลลาร์
ดัชนีอ้างอิงราคาหุ้นชั้นนำทั่วโลกเอ็มเอสซีไอ (MSCI world equity index) ซึ่งติดตามราคาหุ้นใน 47 ประเทศร่วงลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ในวันดังกล่าว และร่วงลง 1.6 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่เปิดตลาดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ในช่วงเวลาที่ค่าเงินลีราของตุรกีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้นายเบรัต อัลเบย์รัก รัฐมนตรีคลังตุรกีต้องประกาศว่าจะออกมาตรการเพื่อผ่อนคลายความกังวล
เงินลีราร่วงลงจากความกังวลในเรื่องที่นายเรเจพ เทย์ยิพ แอร์โดอาน ประธานาธิบดีตุรกี เข้าควบคุมเศรษฐกิจมากขึ้น และความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาที่ย่ำแย่ลง โดยมีช่วงหนึ่งในภาคการซื้อขายระหว่างวันที่เงินลีราร่วงลงถึง 12 เปอร์เซ็นต์ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาเหลือลดลง 5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเวลา 15.00 น. ตามเวลาในไทย
“มีความเสี่ยงที่อารมณ์ความรู้สึกโดยทั่วไปของนักลงทุนจะถูกจุดชนวนจากการเทขายเงินสกุลลีรา และเรากำลังได้เห็นการเทขายในวงกว้างในตลาดเกิดใหม่แห่งอื่นๆ เช่นกัน” นายฟิลิป ชอว์ นักเศรษฐศาสตร์ของอินเวสเทคระบุ พร้อมชี้ให้เห็นถึงเงินแรนด์แอฟริกาใต้และเปโซเม็กซิโกที่ร่วงลง 2.5 เปอร์เซ็นต์ว่า เป็นตลาดเกิดใหม่ที่ได้รับผลการระบาดมา
เงินยูโรเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยร่วงลงต่ำสุดในรอบ 1 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์และเงินฟรังก์สวิส และร่วงลงมากสุดในรอบ 10 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินเยน
ขณะที่หุ้นในยุโรปเปิดตลาดร่วงลงมากสุดในรอบ 1 ปี ในช่วงเปิดภาคการซื้อขายวันเดียวกันนี้ โดยดัชนีหุ้นทั่วยุโรปลดลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ และดัชนีหุ้นของภาคการธนาคารร่วงลง 1.2 เปอร์เซ็นต์
ก่อนหน้านี้วันเดียวกัน ดัชนีหุ้นเอ็มเอสซีไอเอเชีย-แปซิฟิกที่ไม่นับรวมญี่ปุ่นร่วงลง 1.5 เปอร์เซ็นต์สู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี ส่วนดัชนีนิกเคอิ ของญี่ปุ่นดิ่งลง 2.0 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคล้วนปิดในแดนลบ
สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีมีความต้องการสูงขึ้น โดยพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปีที่เป็นตัวอ้างอิงของยูโรโซนมีผลตอบแทนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ขณะที่คืนก่อนหน้า พันธบัตรอายุ 10 ปีของกระทรวงการคลังสหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์มาอยู่ที่ 2.85 เปอร์เซ็นต์
