ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลาปฏิเสธคำแนะนำของนางอาเรียนา ฮัฟฟิงตันมหาเศรษฐีนักลงทุน บรรณาธิการบริหารของฮัฟฟิงตันโพสต์ ที่ระบุว่า เขาสามารถบริหารบริษัทได้ดีกว่านี้หากเปลี่ยนวิธีการทำงาน
ในจดหมายเปิดผนึกที่นางฮัฟฟิงตันเขียนลงบนเว็บไซต์ไธรฟ์โกลบอลของตนเองในหัวข้อความเป็นอยู่ที่ดี นางฮัฟฟิงตันที่ดำรงตำแหน่งบอร์บริหารของอูเบอร์ด้วย เรียกร้องให้นายมัสก์คิดใหม่เรื่องการทำงาน 120 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยไม่มีเวลาพักผ่อนและนอนหลับในโรงงานของเทสลา
“อีลอน อนาคตของเทสลาขึ้นอยู่กับคุณที่จะมาพร้อมกับงานชิ้นเอกของคุณ” นางฮัฟฟิงตันเขียนไว้ “มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณตื่นนอนนานกี่ชั่วโมง เทสลาและโลกนี้ (นี่ยังไม่ได้พูดถึงคุณและลูกๆ ของคุณ) จะดีขึ้นหากคุณหาเวลาที่จะเติมพลัง และเชื่อมต่อกับความคิดสร้างสรรค์อย่างยอดเยี่ยมและพลังในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่คุณมีเหลืออยู่”
อย่างไรก็ตาม นายมัสก์ตอบสนองต่อจดหมายของนางฮัฟฟิงตันด้วยการทวีตข้อความเมื่อเวลา 02.30 น. ของวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นว่า “ฟอร์ดกับเทสลาเป็นบริษัทรถยนต์เพียง 2 แห่งของอเมริกันที่สามารถหลีกเลี่ยงการล้มละลายได้สำเร็จ ผมเพิ่งจะกลับมาจากโรงงาน คุณคิดว่านั่นเป็นทางเลือกหรือ ผมว่าไม่”
จดหมายเปิดผนึกของนางฮัฟฟิงตันเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 1 วันหลังนายมัสก์ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สทั้งน้ำตาว่า ปีที่ผ่านมา “เป็นปีที่ยากลำบากและเจ็บปวดที่สุด” ในอาชีพการงานของเขา และต้องใช้ยาแอมเบียนเพื่อช่วยให้นอนหลับ ซึ่งบทสัมภาษณ์ของนายมัสก์ทำให้หุ้นของเทสลาร่วงลง 9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม
นับเป็นช่วงเวลาที่ไม่มั่นคงของนายมัสก์กับเทสลา โดยนายมัสก์หวังว่าจะนำเทสลาออกจากตลาดหลักทรัพย์โดยซื้อหุ้นคืนในราคาหุ้นละ 420 ดอลลาร์สหรัฐ
การประกาศเรื่องดังกล่าวบนทวิตเตอร์ส่งผลให้ทางการเข้ามาสอบสวน นอกจากนี้นายมัสก์ยังต้องรับมือกับเรื่องกำลังการผลิตของเทสลา โมเดล 3 ที่เป็นรถยนต์ตลาดรุ่นแรกของบริษัทซึ่งเพิ่งจะผลิตได้ตามเป้าที่วางไว้ 5,000 คันต่อสัปดาห์เมื่อไม่นานมานี้
