สงครามการค้าเดือด สหรัฐ-จีนซัดกำแพงภาษีรอบใหม่1.6หมื่นล้านใส่กันอีก แม้อยู่ระหว่างเจรจา

FILE PHOTO: REUTERS/Jason Lee/File Photo

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐอเมริกาและจีนยกระดับความดุเดือดในสงครามการค้าเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม โดยบังคับใช้กำแแพงภาษีลงโทษ 25 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อสินค้าของอีกฝ่าย แม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ท่ามกลางการเจรจาการค้าของเจ้าหน้าที่ระดับกลางในกรุงวอชิงตันดี.ซี.ของสหรัฐก็ตาม

ถึงตอนนี้ ประเทศที่มีเขตเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก 2 แห่ง ได้กำหนดกำแพงภาษีแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันต่อผลิตภัณฑ์ของอีกฝ่ายรวมแล้ว 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และยังมีมาตรการอีกมากรออยู่ นับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ด้านบลูมเบิร์กรายงานว่า นายเดวิด มัลพาส ปลัดกระทรวงการคลังสหรัฐ และนายหวัง โส่วเหวิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จีนพบปะกันเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา และจะหารือกันอีกครั้งในวันเดียวกันนี้ ที่นับเป็นการหารือทางการค้าต่อหน้ากันเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา ซึ่งการเจรจาครั้งนี้คาดว่าจะไม่ส่งผลใดๆ ไปถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจในระดับสูง และคาดว่าจะมีเพียงแค่การออกแถลงการณ์ร่วมของผลการหารือไปในทางสร้างสรรค์ อ้างอิงจากคำเปิดเผยของผู้ที่อยู่วงในใกล้ชิดกับประเด็นดังกล่าว

กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่ารัฐบาลสหรัฐ “ยังคงดื้อรั้น” จากการกำหนดกำแพงภาษีรอบใหม่ ที่มีผลบังคับใช้ทั้ง 2 ฝ่ายในเวลา 12.01 น. ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงปักกิ่ง (ตรงกับ 11.00 น.ในไทย)

Advertisement

“จีนคัดค้านสิ่งนี้อย่างหนักแน่น และจะยังคงใช้มาตรการตอบโต้ที่จำเป็น” แถลงการณ์ระบุ และว่า “ในเวลาเดียวกัน เพื่อคุ้มครองการค้าเสรีและระบบพหุภาคี และปกป้องผลประโยชน์ที่ถูกต้องชอบธรรมของตน จีนจะยื่นฟ้องเรื่องเกี่ยวกับมาตรการกำแพงภาษีภายใต้กลไกแก้ไขข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ)”

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะกำหนดกำแพงภาษีมากกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีต่อสินค้านำเข้าจากจีนไปยังสหรัฐเกือบทุกชนิด นอกเสียจากว่ารัฐบาลจีนจะยินยอมเห็นพ้องในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบในวิธีการปฏิบัติด้านทรัพย์สินทางปัญญา โครงการอุดหนุนอุตสาหกรรม และโครงสร้างทางด้านกำแพงภาษี รวมทั้งการซื้อสินค้าจากสหรัฐให้มากขึ้น

ตัวเลขดังกล่าวจะมากกว่าที่จีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมาก จุดชนวนให้เกิดความกังวลว่ารัฐบาลจีนจะพิจารณาใช้วิธีการตอบโต้แบบอื่นอย่างไร อาทิ การทำให้บริษัทของอเมริกันในจีนดำเนินกิจกรรมยากลำบากมากขึ้น หรืออาจยินยอมให้เงินหยวนอ่อนค่าลงมากกว่านี้เพื่อสนับสนุนผู้ส่งออก

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image