เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ของวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมาตามเวลาในไทย หรือตรงกับช่วงเช้าวันเดียวกันตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา รายการ “กู๊ดมอร์นิ่งอเมริกา” ในช่วงข่าวภาคเช้าของสถานีเอบีซีนิวส์เผยแพร่คลิปวิดีโอฉบับเต็มความยาว 43.34 นาทีที่นายเจมส์ ลองแมน ผู้สื่อข่าวเอบีซีนิวส์ สัมภาษณ์พิเศษสมาชิกทีมหมูป่าอคาเดมีทั้ง 13 คน ที่วัดพระธาตุดอยเวา จังหวัดเชียงราย รำลึกความทรงจำติดถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ใน จ.เชียงราย
คลิปวิดีโอดังกล่าวฉายภาพย้อนเหตุการณ์ช่วงที่ทีมนักดำน้ำถ้ำชาวอังกฤษพบตัวสมาชิกทีมหมูป่าในถ้ำเป็นครั้งแรกจนได้รับการช่วยเหลือออกมาข้างนอกได้สำเร็จ หลังจากติดอยู่ภายในถ้ำเป็นเวลา 18 วัน ไปจนถึงการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและกลับบ้านไปใช้ชีวิตตามปกติ
หลังจากนั้นเป็นช่วงที่นายจอห์น วิทแมน พิธีกรในห้องส่งของเอบีซีนิวส์สอบถามนายลองแมนว่าทำอย่างไรถึงได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษน้องๆ ทีมหมูป่าและโค้ช ซึ่งนายลองแมนตอบว่า ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลท้องถิ่นของไทยและเอบีซีนิวส์ถือเป็นสำนักข่าวที่เกาะติดและรายงานข่าวภารกิจการช่วยเหลือทีมหมูป่ามากที่สุดทั้งหมดถึง 54 ชิ้น และได้รายงานข่าวอย่างตรงไปตรงมาและดัวยการมองโลกในทางบวก
นายวิทแมนถามต่อด้วยว่า ต้องระมัดระวังในการสัมภาษณ์อย่างไรบ้างในครั้งนี้ ซึ่งนายลองแมระบุว่าได้มีการปรึกษากับนักจิตวิทยาเพื่อให้แน่ใจแลัวว่าจะไม่ให้กระทบกับสภาพจิตใจของเด็กๆ และมีการพูดคุยกันอย่างชัดเจนก่อนการให้สัมภาษณ์แล้วว่าจะไม่พูดถึงเรื่องที่ทำให้เด็กๆ มีความรู้สึกผิดหรือนึกถึงเรื่องในทางลบอาทิ การเสียชีวิตของนาวาตรีสมาน กุนัน หรือจ่าแซมหนึ่งในสมาชิกทีมซีล
มาถึงช่วงการสัมภาษณ์ นายลองแมนถามสมาชิกทีมหมู่ป่าว่า “ฮาว อาร์ ยู?” หรือพวกคุณเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งทุกคนตอบว่า “ไอ แอม ไฟน์” สบายดีครับ จากนั้นนายลองแมนบอกกับสมาชิกทีมหมูป่าว่าตนพูดภาษาไทยได้ไม่มากนัก โดยพูดได้เพียงแค่คำว่าสวัสดีครับ ขอบคุณครับ และสู้ๆ
หลังจากที่ทักทายกันแล้วคำถามแรกที่นายลองแมนถามคือสนุกกับการไปโรงเรียนกันรึเปล่าและใครเรียนเก่งที่สุด ซึ่งทุกคนก็ตาบว่าน่าจะเป็นอดุลย์ และใครเก่งภาษาอังกฤษมากที่สุด ซึ่งทุกคนก็ตอบว่าน่าจะเป็นอดุลย์อีกเช่นเดียวกัน
นายลองแมนถามด้วยว่าวัดนี้มีความสำคัญอย่างไร ซึ่งโค้ชเอกที่ยังอยู่ในสมณะเพศตอบว่า เป็นสถานที่ให้น้องๆ ได้ปฏิบัติธรรม ได้มีกิจกรรมมากขึ้น
นอกจากนี้น้องๆ ทีมหมูป่ายังเล่าว่า มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น มีความสุขดี แต่บางครั้งก็มีคนมาขอถ่ายรูปด้วย
ซึ่งนายลองแมนเปิดเผยให้นายวิทแมนได้ฟังว่าดูเหมือนเด็กๆ จะสามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีทั้งในชีวิตประจำวันและในโซเชียลมีเดีย
หลังจากนั้นนายลองแมนได้ย้อนถามถึงเหตุการณ์วันนั้น โดยให้โค้ชเอกเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าวันนั้นเพียงแค่ชวนกันไปสำรวจถ้ำหลังจากซ้อมฟุตบอลเสร็จ ซึ่งในในช่วงแรกตนไม่ได้บอกเด็กๆ ว่าติดอยู่ในถ้ำเพื่อไม่ให้เด็กๆ ตื่นตระหนก แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปก็ต้องใช้วิธีการสวดมนต์ซึ่งตนทำมาตลอดชีวิตและช่วยให้จิตใจสงบและหลับสบาย นอกจากนี้เด็กๆ ยังใช้หินขุดผนังถ้ำเพื่อหาทางออกด้วยในวันที่ 4 และในที่สุดหลังผ่านไป 9 วันก็มีนักดำน้ำชาวต่างชาติเข้ามาพบอย่างน่าประหลาดใจท่ามกลางความมืด
ด้านอดุลย์ ที่พบกับนักดำน้ำต่างชาติเป็นคนแรก ระบุว่า ตนหวังว่าจะมีคนมาพบโดยตลอด และโค้ชเอกก็เล่าถึงช่วงเวลาเรียกร้อยยิ้ม ที่อดุลย์และบิว ไม่สามารถแปลภาษาอังกฤษของนักดำน้ำได้เพราะกำลังตกใจจนตนตะโกนออกมาว่า “แปลหน่อยดิ๊”
โดยในช่วงที่เล่าถึงการช่วยเหลือลำเลียงทุกคนออกมาจากถ้ำนั้น โค้ชเอกเล่าว่าตนอาสาที่จะใช้เชือกผูกไว้กับตัวแล้วดำน้ำเพื่อหาทางออกซึ่งหากไม่ไหวแล้วจะกระตุกเชื่อกสองครั้งให้สมาชิกทีมหมูป่าที่ถือปลายเชือกไว้ดึงตนกลับมา ซึ่งสุดท้ายก็ต้องกลับมา
คลิปดังกล่าวนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างเด็กๆ กับหน่วยซีลที่เข้าไปอยู่กับเด็กๆ โดยถามถึงคนที่เล่นหมากฮอสโดยใช้ดินกับก้อนหินกับเจ้าหน้าที่หน่วยซีล ที่ทุกคนบอกว่า แพ้หน่วยซีลกันแทบทุกคน
นอกจากนี้โค้ชเอกยังเล่าถึงการเลือกคนออกจากถ้ำเป็นคนแรกว่า เลือกจากเด็กคนที่บ้านอยู่ไกลจากถ้ำมากที่สุดไปก่อนจะได้สามารถขี่จักรยานไปบอกครอบครัวคนที่เหลือได้ว่าพวกตนปลอดภัย และว่าสมาชิกทุกคนไม่รู้เลยว่ามีคนมากมายรออยู่ข้างนอกถ้ำ
นายลองแมนยังได้ถามถึงทีมฟุตบอลที่เด็กๆ ชื่นชอบ และเปิดเผยด้วยว่าตนเองเล่นฟุตบอลไม่เก่งเอามากๆ และยังมีการพูดกันถึงทีมชาติที่เชียร์ในฟุตบอลโลกซึ่งเด็กๆ ส่วนใหญ่รวมถึงโค้ชเอกเปิดเผยว่าเชียร์ทีมชาติอังกฤษ แต่พออังกฤษตกรอบก็หันมาเชียร์ฝรั่งเศสแทน
นอกจากนี้ยังมีการพยายามทำท่าเดลเล อัลลี ชาลเลนจ์กันอย่างสนุกสนานอีกด้วย
