สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวันที่ 5 กันยายนว่า พายุไต้ฝุ่นเชบีที่ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปีคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 11 รายทางตะวันตกของประเทศ และบริษัทผู้ให้บริการสนามบินได้เริ่มต้นขนย้ายผู้โดยสารราว 3,000 คนที่ติดค้างอยู่ในสนามบินนานาชาติคันไซที่น้ำท่วมออกมาทางเรือแล้ว ในขณะที่มีที่พักอาศัยมากกว่า 1 ล้านหลังที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
พายุไต้ฝุ่น “เชบี” ที่เปลว่า “นกนางแอ่น” ในภาษาเกาหลีใต้ ทวีความรุนแรงถึงระดับที่เป็น “ซุปเปอร์ไต้ฝุ่น” ถือเป็นพายุรุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปีที่พัดถล่มญี่ปุ่น เกิดขึ้นตามมาหลังจากฝนตกหนัก ดินถล่ม น้ำท่วม และอุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยรายในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
นักท่องเที่ยวราว 3,000 คน ต้องติดค้างอยู่ข้ามคืนที่สนามบินนานาชาติคันไซทางตะวันตกของญี่ปุ่นที่เป็นศูนย์กลางสำคัญในการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์หรือชิปประมวลผลของบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่ง
คลิปวิดีโอจากสถานีโทรทัศน์แสดงให้เห็นว่าผู้คนจำนวนมากเข้าแถวยาวเพื่อรอซื้ออาหารและเครื่องดื่มที่ร้านสะดวกซื้อภายในสนามบิน รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สนามบินเริ่มต้นขนย้ายผู้โดยสารที่ติดค้าง ไปยังสนามบินโกเบที่อยู่ใกล้กันด้วยเรือความเร็วสูงและรถบัสโดยสารในช่วงเช้าวันเดียวกัน
นายโยชิฮิเดะ สุงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บราว 300 คน ยังไม่แน่นอนว่าสนามบินนานาชาติคันไซจะกลับมาเปิดให้บริการได้เมื่อไหร่ และถนนกับทางรถไฟบางเส้นในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบยังคงต้องปิดใช้งาน โดยมีที่พักอาศัยราว 1.2 ล้านหลังที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
“รัฐบาลจะยังคงเดินหน้าทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยความเร่งด่วนในระดับสูงสุด” นายสุงะเปิดเผยในการแถลงข่าว
ด้านกระทรวงการค้าญี่ปุ่นเปิดเผยว่า บริษัทเจเอ็กซ์ทีจี นิปปอน ออยล์แอนด์เอ็นเนอร์จี คอร์ป ต้องปิดโรงกลั่นน้ำมันซาคาอิในโอซาก้าทางตะวันตกของประเทศที่มีกำลังผลิตน้ำมัน 135,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากไต้ฝุ่นสร้างความเสียหายให้กับส่วนหนึ่งของหอคอยหล่อเย็น
นอกจากนี้ เขตคันไซทางตะวันตกของญี่ปุ่นที่ถูกพายุไต้ฝุ่นเชบีพัดถล่มนั้นยังเป็นแหล่งที่ตั้งของโรงงานผลิตชิปจำนวนมาก โดยโฆษกหญิงของโตชิบาเมมโมรี บริษัทผู้ผลิตชิปบันทึกความจำแบบแฟลชรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกเปิดเผยว่า บริษัทจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและอาจจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตออกจากพื้นที่ชั่วคราวหากสนามบินนานาชาติคันไซยังไม่สามารถเปิดให้บริการตามปกติได้โดยเร็ว แต่กล่าวด้วยว่า คาดว่าบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการที่โรงงานอีกแห่งในเมืองยกไคจิ ทางตอนกลางของประเทศไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้
