เมื่อวันที่ 6 กันยายน เว็บไซต์ซีแอตเทิลไทม์ส รายงานความคืบหน้าเหตุสะเทือนขวัญซึ่งเกิดขึ้นที่อพาร์ตเมนต์มอลลอย เมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา หลังมีการพบศพ 2 นักศึกษาสาวไทยภายในห้องพัก คือ น.ส.ฐิฏิอร โชติช่วงทรัพย์ หรืออร อายุ 32 ปี และ น.ส.กรกมล หลีนวรัตน์ หรือแอ๋ม อายุ 25 ปี โดยผลการชันสูตรพลิกศพโดยคิง เคาน์ตี เมดิคอล เอ็กซาไมเนอร์ พบว่า อรได้แทงแอ๋มจนเสียชีวิต หลังจากนั้นจึงได้แทงตัวตาย
ผลการชันสูตรระบุว่า แอ๋มเสียชีวิตเนื่องจากถูกแทงหลายแผลจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นการเสียชีวิตที่เกิดจากการฆาตกรรม ส่วนอรเสียชีวิตเนื่องจากถูกแทงเข้าที่บริเวณหน้าอก และเกิดขึ้นจากการฆ่าตัวตาย
รายงานระบุว่า ทั้งสองได้พบกันระหว่างร่วมชั้นเรียนที่มหาวิทยาลัยบอสตัน และพักอยู่ที่ห้องพักเดียวกันตั้งแต่แอ๋มเริ่มเรียนปริญญาโทใบที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้านญาติเปิดเผยว่า ทางมหาวิทยาลัยวอชิงตันได้เรียกตัวแอ๋มเข้าตรวจเช็กร่างกายในวันเสาร์ที่ 1 กันยายน และทางครอบครัวได้แจ้งความกับตำรวจซีแอตเทิลว่าแอ๋มหายตัวไปในวันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน หลังจากไม่มีใครได้ข่าวของแอ๋มมานาน 2-3 วัน กระทั่งตำรวจได้รับแจ้งจากอพาร์ตเมนต์มอลลอยว่าพบผู้หญิงบาดเจ็บสาหัสอยู่ในห้องพัก 2 คน เมื่อวันที่ 4 กันยายน แต่เมื่อไปถึงทั้งสองก็ได้เสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ ตามการเปิดเผยของญาติของแอ๋ม ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่เมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส เปิดเผยว่า แม่ของแอ๋มเสียชีวิตเมื่อ 2 ปีก่อน ส่วนพ่อ และพี่น้องทั้งหมด อาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ญาติของแอ๋มหลายคนพักอยู่ที่ฮุสตัน โดยข่าวระบุว่า ญาติของแอ๋มจะเดินทางไปยังซีแอตเทิลในวันที่ 7 กันยายน เพื่อเก็บข้าวของของแอ๋มและจัดการเรื่องการนำร่างของแอ๋มกลับไปยังประเทศไทย
ขณะที่ น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานเพิ่มเติมจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิส กรณีการเสียชีวิตของนักศึกษาไทย 2 คน ที่นครซีแอตเทิล ว่าทางคิง เคาน์ตี เมดิคอล เอ็กซาไมเนอร์ได้ยืนยันอัตลักษณ์ น.ส.กรกมล หลีนวรัตน์ หรือแอ๋ม แล้ว และแจ้งสาเหตุการเสียชีวิตของ น.ส.กรกมล ว่าเสียชีวิตจากบาดแผลถูกแทง (ถูกฆาตกรรม) และ น.ส.ฐิฏิอร เสียชีวิตจากแผลถูกแทงที่หน้าอก (ฆ่าตัวตาย) เป็นการฆาตกรรม ทั้งนี้ รายงานการชันสูตรศพอย่างเป็นทางการจะใช้เวลาประมาณ 8 สัปดาห์
นอกจากนี้ ทางสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิส ได้ประสานกับครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งสองรายเกี่ยวกับการจัดการศพ ขั้นตอน และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องแล้ว น้องชาย น.ส.ฐิฏิอร อยู่ระหว่างการขอวีซ่าเข้าสหรัฐ เพื่อเดินทางไปซีแอตเทิลและจัดการฌาปนกิจและนำอัฐิกลับประเทศไทย ส่วนญาติของ น.ส.กรกมล อยู่ในสหรัฐ จะเดินทางไปรับศพและดำเนินการจัดศพกลับประเทศไทยเพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจต่อไป และล่าสุดสถานทูตสหรัฐให้ให้วีซ่าน้องชาย น.ส.ฐิฏิอรแล้ว
โดย สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิส ยังคงประสานงานและติดตามกับสำนักงานตำรวจซีแอตเทิล เกี่ยวกับคดีและรายละเอียดอื่นๆ อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิสได้ประสานกับมหาวิทยาลัยวอชิงตันเกี่ยวกับการเบิกจ่ายค่าทำศพ/จัดส่งศพที่จะเบิกจากระบบประกันของมหาวิทยาลัยด้วย