สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศรายชื่อ 38 ประเทศที่มีพฤติกรรมน่าละอาย ด้วยการตอบโต้หรือข่มขู่บุคคลที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ด้วยการสังหาร ทรมาน และจับกุมตัวตามอำเภอใจ โดยประเทศไทยก็ติดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีพฤติกรรมน่าละอายนี้ด้วย
โดยรายงานประจำปี ที่นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น นำมาเผยแพร่ เมื่อวันที่ 12 กันยายน ระบุว่า โลกของเราเป็นหนี้บรรดาผู้คนที่กล้าจะลุกขึ้นมาสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน บุคคลที่คอยให้ข้อมูลและทำงานร่วมกับสหประชาชาติเพื่อให้แน่ใจได้ว่าสิทธิในการมีส่วนร่วมของพวกตนจะได้รับการเคารพ การลงโทษบุคคลที่ให้ความร่วมมือกับสหประชาชาติเป็นพฤติกรรมที่น่าละอาย
สำหรับ 38 ประเทศที่ถูกจัดอันดับในปีนี้ มีอยู่ 29 ประเทศที่เพิ่งถูกเข้ามาอยู่ในบัญชีประเทศที่มีพฤติกรรมน่าละอาย ได้แก่ บาห์เรน แคเมอรูน จีน โคลอมเบีย คิวบา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก จิบูตี อียิปต์ กัวเตมาลา กายอานา ฮอนดูรัส ฮังการี อินเดีย อิสราเอล คีร์กีซสถาน มัลดีฟส์ มาลี โมร็อกโก เมียนมา ฟิลปปินส์ รัสเซีย รวันดา ซาอุดีอาระเบีย ซูดานใต้ ไทย ตรินิแดดและโตเบโก ตุรกี เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลา
รายงานระบุว่า รัฐบาลเหล่านี้ มักจะมีการตั้งข้อหานักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนด้วยข้อหาก่อการร้ายหรือกล่าวหาว่าคนเหล่านี้ร่วมมือกับองค์กรต่างชาติหรือทำลายชื่อเสียงหรือความมั่นคงของประเทศ และว่า ปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะมีการใช้ข้ออ้างเรื่องความมั่นคงของชาติและกลยุทธ์ต่อต้านการก่อการร้ายเพื่อความชอบธรรมในการปิดกั้นไม่ให้ชุมชนและองค์กรภาคประชาสังคมเข้าถึงสหประชาชาติ
นอกจากนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า ผู้หญิงที่ให้ความร่วมมือกับยูเอ็นมักจะถูกข่มขู่ว่าจะถูกข่มขืนและตกเป็นเป้าของการโจมตีบนโลกออนไลน์ และเจ้าหน้าที่ของยูเอ็นมักจะต้องเจอกับผู้คนที่กลัวว่าจะพูดกับเจ้าหน้าที่ยูเอ็น แม้ว่าจะอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของยูเอ็นที่นิวยอร์ก หรือที่นครเจนีวาก็ตาม
