สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกา ฝ่าฝืนคำเตือนเมื่อวันที่ 17 กันยายนและยกระดับการเผชิญหน้าทางการค้ากับจีน โดยบังคับใช้กำแพงภาษีอีก 200,000 ล้านดอลลาร์ต่อสินค้านำเข้าจากจีนเริ่มต้นในสัปดาห์หน้านี้เลย และขู่ว่าจะพุ่งเป้าเล่นงานเพิ่มอีกหากจีนตอบโต้
นายทรัมป์กล่าวว่าจีนปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมซึ่งทำร้ายธุรกิจและแรงงานของอเมริกัน โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “เป็นเวลาหลายเดือนมาแล้วที่เราเรียกร้องให้จีนเปลี่ยนวิธีปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมและให้ความเป็นธรรมในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกันกับบริษัทอเมริกัน”
“วิธีปฏิบัตินี้ส่งผลอย่างตรงไปตรงมาเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพและความมั่งคั่งของเศรษฐกิจสหรัฐ” นายทรัมป์กล่าว และว่า “แต่จนถึงตอนนี้ จีนไม่ยินดีที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติ” ซึ่งรวมถึงการขโมยและบังคับให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี
เมื่อกำแพงภาษีรอบใหม่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 กันยายนนี้ อัตราภาษีลงโทษจะถูกใช้กับผลิตภัณฑ์ที่สหรัฐซื้อราวครึ่งหนึ่งจากจีน ซึ่งถือเป็นแหล่งของการนำเข้าสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ การนำเข้ารอบล่าสุดจะต้องเผชิญกับกำแพงภาษี 10 เปอร์เซ็นต์ไปจนถึงสิ้นปีนี้ หลังจากนั้น อัตราจะเพิ่มเป็น 25 เปอร์เซ็นต์
กำแพงภาษีรอบใหม่นี้มีผลกับสินค้าหลายชนิดเป็นวงกว้าง ซึ่งรวมถึงเครื่องรับสัญญาณวิทยุ แผงหน่วยความจำคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ประมวลผลอัตโนมัติ และอุปกรณ์สำนักงาน อาทิ เครื่องถ่ายเอกสรและเครื่องนับธนบัตร
ขณะที่กระทรวงต่างประเทศจีนประกาศกร้าวว่าจะตอบโต้ โดยนายเกิ๋ง ส่วง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวในการแถลงข่าววันเดียวกันนี้ว่า “หากสหรัฐบังคับใช้มาตรการกำแพงภาษีใหม่ใดๆ ก็ตาม จีนจะใช้มาตรการตอบโต้เพื่อยืนยันถึงสิทธิและผลประโยชน์ของเราอย่างหนักแน่น”
ทว่านายทรัมป์เตือนว่า “หากจีนมีมาตรการตอบโต้ใดๆ ต่อชาวนาหรืออุตสาหกรรมอื่นของสหรัฐ เราจะเดินหน้าแผนการระยะที่ 3 นั่นคือใช้กำแพงภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีกประมาณ 267,000 ล้านดอลลาร์” ที่หมายความว่าเป็นการบังคับใช้กำแพงภาษีต่อสินค้าทุกประเภทที่สหรัฐนำเข้าจากจีน
