สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 กันยายน ทีมสอบสวนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการสืบสวนเหตุรุนแรงต่อชาวโรฮีนจา ในรัฐยะไข่ ของเมียนมา ระบุว่า กองทัพพม่าใช้ความรุนแรงต่อชาวโรฮีนจาในระดับที่ยากจะหยั่งรู้ และเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาเลิกการยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และนำตัวนายพลระดับสูงมาดำเนินคดีข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
โดยในรายการของทีมสอบสวนของยูเอ็น ที่มีความยาว 444 หน้า ซึ่งถือเป็นรายงานที่มีรายละเอียดมากที่สุดเกี่ยวกับเหตุรุนแรงในเมียนมาที่กระทำโดยทหารผู้มีอำนาจของเมียนมา โดยเฉพาะความรุนแรงที่มีต่อชาวโรฮีนจา และว่า มีสิ่งที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีการกระทำที่ป่าเถื่อนที่มีเป้าหมายเพื่อทำลายชาวโรฮีนจา
มาร์ซูกิ ดารุสแมน หัวหน้าทีมค้นหาความจริงของยูเอ็น กล่าวต่อ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชอาร์ซี ระบุว่า เป็นการยากที่จะหยั่งรู้ได้ถึงระดับของความโหดร้ายของทัตมะดอว์ (กองทัพพม่า) ที่เมินเฉยต่อชีวิตของพลเรือน
ด้านนายจ่อ โม ตุน เอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำยูเอ็น ได้ออกมาตอบโต้รายงานดังกล่าวของยูเอ็น โดยระบุว่าเป็นรายงานของเพียงฝ่ายเดียว มีข้อบกพร่องอยู่
ข่าวระบุว่า กองทัพเมียนมาได้ใช้กำลังในการปราบปรามกลุ่มชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีชาวโรฮีนจากว่า 7 แสนคนต้องอพยพหนี้ภัยความรุนแรงไปอยู่ที่บังกลาเทศ เนื่องจากมีทั้งการยิง ฆ่า และข่มขืนเกิดขึ้นในรัฐยะไข่ อย่างไรก็ตาม กองทัพเมียนมายืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และยืนยันว่าการกำจัดกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮีนจาเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
