เมื่อวันที่ 24 กันยายน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในการประชุมปิโตรเลียมแห่งเอเชียแปซิฟิก(เอพีพีอีซี)ประจำปี จัดที่ประเทศสิงคโปร์ในวันเดียวกันนี้ มีหลายฝ่ายให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำมันดิบโลก หนึ่งในนั้นมีนายแดเนียล แย็กกี ประธานบริษัทเมอร์คิวเรีย อีเนอร์จี เทรดดิ้ง ที่กล่าวเตือนว่าปริมาณน้ำมันดิบจำนวนเกือบ 2 ล้านบาร์เรลต่อวันอาจจะหายไปจากตลาดได้ในสิ้นไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐอเมริกา นั่นจึงอาจทำให้มีความเป็นไปได้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นไปแตะที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้ในปีค.ศ.2019
ขณะที่นายเบน ลัคคอค หัวหน้าฝ่ายค้าน้ำมันจาก ทราฟิกูรา บริษัทการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ข้ามชาติของเนเธอร์แลนด์ คาดว่าราคาน้ำมันดิบอาจดีดขึ้นไปถึง 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงคริสต์มาสนี้ และจะทะยานขึ้นไปแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงปีใหม่จากความตึงตัวของสภาวะตลาด
ด้านนายเฉิน ป๋อ ประธานยูนิเป็ก บริษัทพลังงานของจีนมองว่าประสิทธิภาพด้านพลังงานที่ได้รับการปรับปรุงดีขึ้นและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาก้าวหน้าขึ้น รวมถึงการใช้พลังงานทดแทน นั่นหมายความว่าการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันดิบในตลาดโลกจะชะลอตัวลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อุปสงค์น้ำมันดิบในตลาดโลกจะอยู่ที่สูงสุดราว 104.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีค.ศ.2035 จากปัจจุบันที่อุปสงค์น้ำมันดิบมีอยู่ไม่ถึง 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน
