สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมาว่า นักวิทยาศาสตร์คนพบวิธีการกดเชื้อเอชไอวีของผู้ป่วยเอาไว้ได้เป็นเวลานานนับเดือนด้วยวิธีการใช้การฉีดสารภูมิคุ้มกันจำนวน 2 โดส วิธีการที่อาจสามารถปฏิวัติวิธีการรักษาเอชไอวี ที่ปัจจุบันผู้ป่วยต้องกินยาทุกวันตลอดชีวิต
นักวิจัยจากสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ ในรัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา ระบุว่าการผสมผสานกันระหว่างโปรตีน 2 ชนิดที่มีผลกับความสามารถของเชื้อเอชไอวีสามารถกดเชื่อไวรัสในผู้ป่วยได้นานสูงสุดถึง 30 สัปดาห์ต่อครั้ง
ผลการวิจัยตีพิมพ์ลงในวารสารเนเจอร์และเนเจอร์เมดิซิน เลือกอาสาสมัครผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่รับยาต้านไวรัสจำนวน 15 คน ที่จะหยุดรับยาต้านและรับภูมิต้านทานจากผู้ป่วยที่ร่างกายสามารถควบคุมเชื้อเอชไอวีได้โดยไม่ต้องรับยาต้าน ผ่านทางเส้นเลือด
สารภูมิคุ้มกันจะพุ่งเป้าโจมตีไปที่โปรตีนโดยรอบเชื้อเอชไอวี และใช้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยเองในการต่อสู้กับการติดเชื้อ โดยโปรตีนดังกล่าวจะถูกจัดการอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเอชไอวีพัฒนาระบบคุ้มกันขึ้นมา สิ่งซึ่งเป็นอุปสรรคในการวิจัยก่อนหน้าที่มีพื้นฐานการใช้สารภูมิต้านทานเป็นหลัก
โดยอาสาสมัครจะได้รับสารภูมิต้านทานเข้าเส้นเลือดอีกครั้งหลังจากครั้งแรก 3 สัปดาห์และอีกครั้งหลัง 6 สัปดาห์ ผลปรากฎว่าผู้ป่วยทั้งหมดสามารถกดเชื้อเอชไอวีให้อยู่ในระดับปลอดภัยได้เป็นเวลานานเฉลี่ยราว 15 สัปดาห์ ขณะที่มีผู้ป่วย 2 รายที่สามารถยื่นระยะได้นานถึง 30 สัปดาห์
สารภูมิต้านทานที่มีศักยภาพดังกล่าวอาจช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการบำบัดเพียงแค่ปีละสองครั้งเท่านั้น แทนที่จะเป็นการรับยาต้านไวรัสทุกวันตลอดชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้องค์การสหประชาชาติระบุว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลกเกือบ 37 ล้านคน และหากไม่ได้รับการรักษาจะนำไปสู่โรคเอดส์ได้ โดยปัจจุบันผู้ป่วยใช้วิธีการบำบัดด้วยวิธีการที่เรียกว่าแอนไทเรโทรไวรัล(อาร์ท) หรือการรักษาด้วยการกินยาต้านไวรัสหลายชนิดเพื่อควบคุมเชื้อไวรัสให้มีจำนวนลดลงแต่ไม่ได้ถูกกำจัดให้หายไปจากร่างกาย
