เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกา ยกย่องข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ แคนาดาและเม็กซิโกที่นำมาใช้แทนความตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา) เดิม ว่าเป็นข้อตกลงประวัติศาสตร์ที่จะเปลี่ยนทวีปอเมริกาเหนือให้กลับมาเป็น “มหาอำนาจด้านการผลิต” และจุดชนวนให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
นายทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ข้อตกลงที่รู้จักกันในชื่อความตกลงสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา หรือยูเอสเอ็มซีเอที่ครอบคลุมมูลค่าทางการค้าเกือบ 1,200 ล้านล้านดอลลาร์ “ถือเป็นความตกลงทางการค้าที่สำคัญที่สุดที่เราเคยทำมาจนถึงขณะนี้”
ข้อตกลงฉบับนี้ได้รับการประกาศครั้งแรกเมื่อคืนวันที่ 30 กันยายน ก่อนหน้ากำหนดเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนอย่างเฉียดฉิว เป็นการยุติช่วงเวลามากกว่า 1 ปีของการเจรจาอันตึงเครียดซึ่งจุดชนวนโดยการตัดสินใจของนายทรัมป์ที่จะฉีกข้อตกลงนาฟตาซึ่งใช้มานาน 24 ปีทิ้ง
การฉีกข้อตกลงทางการค้าที่ใช้มานานของสหรัฐกับทุกประเทศตั้งแต่แคนาดา เม็กซิโกไปจนถึงจีนและสหภาพยุโรป (อียู) ได้สร้างความสั่นสะท้านให้กับบรรดาผู้นำโลกและจุดชนวนให้เกิดความกลัวว่าเศรษฐกิจจะยุ่งเหยิงวุ่นวาย
แต่ในการแถลงข่าวอย่างเบิกบานที่สวนโรสการ์เดนในทำเนียบขาว นายทรัมป์กล่าวว่าการใช้กำแพงภาษีที่แข็งกร้าวบีบบังคับให้หลายๆ ประเทศเจรจาข้อตกลงการค้าที่ไม่เป็นธรรมใหม่ ถือเป็นการปกป้องสิทธิ
“สหรัฐสูญเสียเงินไปกับข้อตกลงการค้าต่างๆ โดยเฉลี่ยปีละเกือบ 800,000 ล้านดอลลาร์ ในนี้เป็นข้อตกลงกับจีน ข้อตกลงกับอียู ข้อตกลงกับทุกประเทศ ญี่ปุ่น เม็กซิโก แคนาดาและทุกๆ ประเทศ” นายทรัมป์กล่าวและว่า “เราจะไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้น”
นักวิเคราะห์ระบุว่า ยูเอสเอ็มซีเอคล้ายคลึงกับนาฟตาในหลายๆ แง่มุม แต่มีการปรับปรุงการเข้าถึงสินค้าเกษตรกรรมของสหรัฐให้ดีขึ้นซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนมที่แคนาดาพยายามจำกัดโดยเฉพาะเจาะจง
กฎระเบียบใหม่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขันของแรงงานผลิตรถยนต์ของสหรัฐให้ดีขึ้น โดย 40 เปอร์เซ็นต์ของรถยนต์แต่ละคันจำเป็นต้องผลิตโดยคนงานที่มีรายได้มากกว่า 16 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
นายทรัมป์กล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนในรัฐเทนเนสซีว่า ข้อตกลงใหม่หมายความว่า “อเมริกาชนะอีกครั้งและอเมริกาจะได้รับความเคารพนับถืออีกครั้งเพราะในท้ายที่สุดแล้วเราให้อเมริกามาเป็นอันดับแรก”
“ข้อตกลงนี้จะเปลี่ยนแปลงทวีปอเมริกาเหนือให้กลับมาเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตอีกครั้ง” นายทรัมป์กล่าว และว่า “ยูเอสเอ็มซีเอจะทำให้เราได้ห่วงโซ่การผลิตที่ถูกนำออกนอกประเทศไปกลับมาอีกครั้งจากข้อตกลงการค้าที่ไม่เป็นธรรม”
ด้านนายอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ว่าที่ประธานาธิบดีเม็กซิโกยินดีกับข้อตกลงฉบับใหม่ โดยข้อตกลงยังคงต้องผ่านการลงมติรับรองของวุฒิสภาเม็กซิโก
ขณะที่นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดาที่เผชิญความโกรธเคืองจากชาวนาผลิตภัณฑ์นม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า โดยรวมแล้วข้อตกลงจะ “ส่งผลประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของเราอย่างลึกล้ำ” และ “เป็นการปฏิรูปที่ก้าวหน้าที่สุดสำหรับแรงงานอเมริกาเหนือในยุคสมัยนี้”