สำนักข่าวเอพีและเอเอฟพีรายงานว่า ทีมค้นหาและกู้ภัยทั้งของอินโดนีเซียและนานาชาติใช้ความพยายามเฮือกสุกท้ายในการค้นหาผู้รอดชีวิตเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 1 สัปดาห์หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวความรุนแรง 7.5 แมกนิจูดและคลื่นสึนามิ ที่พัดถล่มเมืองปาลู จังหวัดสุลาเวสีกลางซึ่งทำลายอาคารบ้านเรือนที่พักอาศัย ต้นไม้และรถยนต์จำนวนมาก โดยล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 1,558 รายแล้ว
หลังช่วงเวลาหลายวันของความล่าช้า ล่าสุดนายบูดี คาร์ยา รัฐมนตรีคมนาคมอินโดนีเซียเปิดเผยว่าเรือ 5 ลำที่ขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์น้ำหนักกว่ารวมมากกว่า 100,000 ตันและเครื่องบินของกองทัพออสเตรเลีย อินเดีย สิงคโปร์มาเลเซีย และอีกหลายประเทศได้เดินทางมาถึงพื้นที่ประสบเหตุภัยพิบัติแล้ว โดยสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่ามีผู้ประสบภัยเกือบ 200,000 คนที่ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
ขณะที่ทางการอินโดนีเซียประกาศก่อนหน้านี้ว่าเส้นตายของการค้นหาผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของอาคารที่พังถล่มลงมาคือวันที่ 5 ตุลาคมนี้จากการที่โอกาสในการพบผู้รอดชีวิตในเวลานี้แทบจะเป็นศูนย์ โดยทีมช่วยเหลือกู้ภัยนานาชาติระบุวันเดียวกันนี้ว่าไม่สามารถค้นพบสัญญาณความเป็นไปได้ที่จะมีผู้รอดชีวิต ทั้งนี้ ทีมนักดับเพลิงนานาชาติที่มีสมาชิก 5 คนระบุว่าเซ็นเซอร์ สามารถตรวจจับการมีอยู่ของผู้รอดชีวิตได้เมื่อคืนวันที่ 4 ตุลาคมท่ผ่านมาใต้ซากคอนกรีตของโรงแรมเมอร์เคียวในเมืองปาลู โดยระบุว่าเป็นเสียงการหายใจและหัวใจเต้น แต่เมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่าเป็นความผิดพลาดจากการรั่วไหลของก๊าซและปัจจัยอื่นๆ ประกอบกันที่ทำให้ผลออกมาผิด
ด้านทีมกู้ภัยของฝรั่งเศสโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ยังมีผู้เข้าพัก 40 คนและพนักงานโรงแรมเมอร์เคียวอีก 6 คนที่สูญหาย ขณะที่ นายยูซุฟ ลาทิฟ โฆษกสำนักงานค้นหาแลกู้ภัยของอินโดนีเซียระบุว่า มีผู้คนอีกมากกว่า 1,000 รายที่ยังคงสูญหาย
ขณะที่สำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซียระบุว่า ชายชาวเกลาหลีใต้เป็น 1 ใน 8 ผู้เสียชีวิตชุดล่าสุดที่สามารถกู้ร่างออกมาได้จากใต้ซากปรักหักพังของโรงแรมรัวรัวในเมืองปาลู โดยสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นระบุว่าชายคนดังกล่าวซึ่งเป็นชาวต่างชาติเพียงคนเดียวที่เท่าที่รู้ว่าเสียชีวิตในภัยพิบัติครั้งนี้ เป็นนักแข่งร่มร่อนที่เข้าร่วมในการแข่งขันที่จัดขึ้นในภูมิภาค
