สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เศรษฐกิจจีนเติบโตที่อัตราชะลอตัวที่สุดในรอบ 9 ปีเมื่อไตรมาส 3 ที่ผ่านมาจากที่โครงการรณรงค์เพื่อจัดการกับหนี้สาธารณะที่พอกพูนเป็นภูเขาเลากาและความขัดแย้งด้านการค้ากับสหรัฐเริ่มส่งผลกระทบออกมา
เขตเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้ขยายตัว 6.5 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อ้างอิงจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อย่างเป็นทางการที่เผยแพร่โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (เอ็นบีเอส) เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงจาก 6.8 เปอร์เซ็นต์และ 6.7 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา แต่ยังสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตประจำปีของบรรดาผู้กำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจของจีนที่ตั้งไว้คร่าวๆ 6.5 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้
“จากการที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่สลับซับซ้อนในต่างประเทศและภารกิจที่ท้าทายในการปฏิรูปและพัฒนาในประเทศ ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนยังคงอยู่ในระดับทรงตัว” นายเหมา เสิ่งหยง โฆษกเอ็นบีเอสกล่าว
ข้อขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐมีขึ้นในช่วงเวลาที่ยากลำบากของเศรษฐกิจจีนซึ่งได้รับผลกระทบจากความพยายามที่จะแก้ปัญหาหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล โดยเกิดภาวะสินเชื่อตึงตัวและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานลดลง
ภาพของการส่งออกที่มืดมนยังตอกย้ำถึงความจำเป็นที่จีนต้องพึ่งพาผู้บริโภคของตนในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยการค้าปลีกซึ่งรัฐบาลจีนตั้งเป้าจะให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจขยายตัว 9.2 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพิ่มจาก 9.0 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
