สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รายงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนระบุว่า เศรษฐกิจของอเมริกันที่ขับเคลื่อนโดยเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า ทำให้ได้เห็นการนำเข้าสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนกันยายน ผลักดันให้ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน
ท่ามกลางการทำสงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐกับรัฐบาลกรุงปักกิ่ง ทำให้การขาดดุลการค้าของสหรัฐกับจีนโป่งพองขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่การส่งออกถั่วเหลืองที่สำคัญอันเป็นจุดที่สร้างความโกรธเคืองให้พรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งกลางวาระในสัปดาห์หน้ายังคงได้รับผลกระทบที่เจ็บปวดต่อไป
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จากการที่ค่าจ้างปรับเพิ่มขึ้นและอัตราว่างงานต่ำ ทำให้คนอเมริกันซื้อสินค้าประเภทอุปกรณ์สื่อสาร คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องยนต์ของเครื่องบิน เสื้อผ้าและของเล่น ที่ผลิตโดยต่างชาติมากขึ้น
การขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยเพิ่ม 1.3 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 54,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์อย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่การนำเข้าอยู่ที่ 266,000 ล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ การส่งออกก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 212,600 ล้านดอลลาร์ด้วย ทำให้ช่องว่างของดุลการค้าสหรัฐถ่างกว้างเพิ่มมากขึ้นอีก 10.1 เปอร์เซ็นต์แล้วในปีนี้
การค้ากับจีน ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของวาระทางเศรษฐกิจที่แข็งกร้าวของนายทรัมป์ ถือเป็นต้นเหตุอย่างชัดเจน จากการที่การขาดดุลการค้าต่อจีน ประเทศที่มีเขตเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกเพิ่มขึ้นอีก 3,000 ล้านดอลลาร์มาอยู่ที่ 37,400 ล้านดอลลาร์
