ประชาชนชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงกันอย่างล้นหลามทั่วสหรัฐอเมริกา ในการเลือกตั้งกลางเทอมที่ถูกมองว่าเป็นบททดสอบที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความยอมรับของประชาชนต่อการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ
ในหน่วยลงคะแนนเสียงตั้งแต่รัฐนิวยอร์กจนถึงแคลิฟอร์เนีย และรัฐมิสซูรีจนถึงจอร์เจีย แถวของผู้มาต่อคิวเพื่อรอใช้สิทธิยาวตั้งแต่ในช่วงเช้า สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ซึ่งสอดคล้องกับการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าที่สูงถึง 38.4 ล้านคน เมื่อเทียบกับการใช้สิทธิล่วงหน้าในการเลือกตั้งปี 2557 ที่ 27.4 ล้านคน จึงถือได้ว่ามีผู้มาใช้สิทธิล่วงหน้ามากเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
การเลือกตั้งครั้งนี้ประกอบด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 435 ที่นั่ง การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา 35 จากที่มีอยู่ทั้งหมด 100 ที่นั่ง และการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐอีก 36 รัฐ ซึ่งถือว่ามีในสำคัญอย่างยิ่ง
ผลโพลชี้ว่าพรรคเดโมแครตมีโอกาสดีที่จะได้รับชัยชนะเพิ่มขึ้นอีก 23 ที่นั่งซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ ขณะที่พรรครีพับลิกันน่าจะยังคงรักษาฐานที่มั่นในวุฒิสภาไว้ได้ และอาจได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ดีเมื่อดูจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 ซึ่งทรัมป์คว้าชัยชนะเหนือนางฮิลลารี คลินตัน ไปได้ จนทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญพากันงงงวยมาแล้ว ผลการทำโพลจึงยังคงถูกตั้งคำถามว่าจะมีความเที่ยงตรงจริงหรือไม่ จนต้องมารอลุ้นที่การนับคะแนนจริงกันต่อไป
