รัฐบาลบังกลาเทศประกาศยกเลิกแผนการส่งผู้ลี้ภัยชาโรฮีนจาจากค่ายพักพิงชายแดนหลายแสนคนกลับเมียนมาลงแล้ว เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากไม่มีชาวโรฮีนจาปรากฏตัวที่จุดขึ้นรถบัสที่เตรียมส่งชาวโรฮีนจา 150 คนแรกกลับภูมิลำเนาเดิมในประเทศเมียนมา ตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลบังกลาเทศและรัฐบาลเมียนมา ขณะที่เกิดการชุมนุมของกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจานับพันคนบริเวณชายแดนพม่าที่ยืนยันว่าจะไม่กลับไปเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงอันตรายในเมียนมาอีก
โมฮัมหมัด อับดุล คาลาม ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยประจำบังกลาเทศระบุว่าจากการประเมินของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ระบุว่าไม่มีใครเลยจาก 50 ครอบครัวที่ให้สัมภาษณ์ที่ต้องการเดินทางกลับไปสู่สภาพแวดล้อมปัจจุบันเนื่องจากไม่มีใครรู้สึกว่าปลอดภัย
ด้านผู้นำชุมชนในเมืองค็อกซ์ บาซาร์ เปิดเผยว่าผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่มีรายชื่ออยู่ในลิสต์ 2,260 คนแรกที่จะถูกส่งตัวกลับเมียนมานั้นได้หนีออกจากค่ายพักพิงไปหมดแล้วเนื่องจากหวาดกลัวที่จะต้องถูกส่งตัวกลับ
รายงานระบุว่าผลจากปฏิบัติการกวาดล้างชุมชนชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่ของพม่าตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจามากกว่า 720,000 คนลี้ภัยจากภูมิลำเนาไปอยู่ในค่ายพักพิงผู้ลี้ภัยตอนใต้ของบังกลาเทศ ขณะที่สหประชาชาติ มองว่าปฏิบัติการดังกล่าวเข้าข่ายการฆ่าล้างเผาพันธุ์ และสั่งให้มีการสอบสวนกรณีดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ยุติแผนส่งชาวโรฮีนจากลับดังกล่าวมีขึ้นหลังบังกลาเทศถูกองค์กรนานาชาติเช่นองค์การนิรโทษกรรมสากล ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน รวมถึงฮิวแมนไรท์วอทช์ เรียกร้องให้บังกลาเทศและเมียนมา ยุติแผนการส่งผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจากลับพร้อมแสดงความกังวลถึงผู้ลี้ภัยที่ถูกส่งตัวกลับอาจมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต