สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา และตัวแทนระดับสูงของว่าที่รัฐบาลใหม่เม็กซิโก เผยแพร่แนวทางใหม่ในการรับมือกับผู้อพยพจากหลายประเทศในอเมริกากลางเรือนแสนที่ออกันอยู่ตามแนวชายแดนด้านใต้ของสหรัฐอเมริกา หาช่องเดินทางเข้าสหรัฐเพื่อหางานทำและแสวงหาโอกาสสำหรับสร้างชีวิตใหม่ ด้วยการทำความตกลงชั่วคราวให้เม็กซิโกรองรับผู้อพยพทั้งหมดไว้ในดินแดนของตนระหว่างที่รอกระบวนการพิจารณาคำร้องในศาลเป็นรายบุคคลว่าจะอนุญาตให้เดินทางเข้าไปลี้ภัยในสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ทำให้หน่วยงานสิทธิมนุษยชนระบุว่า สภาพที่ไม่ปลอดภัยในเม็กซิโกอาจทำให้ผู้อพยพเหล่านั้นตกอยู่ในความเสี่ยงทั้งต่อเหตุรุนแรงและต่อการถูกล่อหลอกจากบรรดาแก๊งอาชญากรรมต่างๆ
ความตกลงดังกล่าวซึ่งถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ได้รับการยืนยันกลายๆ จากข้อความที่ผู้นำสหรัฐทวีต แต่ยืนยันว่าใครก็ตามที่พยายามลักลอบเข้าสหรัฐแบบผิดกฎหมายจะถูกจับกุมดำเนินคดีแล้วส่งกลับประเทศ ไม่ได้จับแล้วปล่อยตามที่กล่าวอ้าง แต่ระบุว่าทั้งหมดจะต้องอยู่ในเม็กซิโก ทั้งนี้ความตกลงครั้งนี้มีขึ้นหลังจากศาลสหรัฐมีคำพิพากษาเมื่อเร็วๆ นี้ ระงับการให้อำนาจตามคำสั่งเชิงบริหารของทรัมป์ที่กำหนดให้ผู้อพยพใดๆ ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายไม่มีสิทธิยื่นขอลี้ภัยโดยถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐอเมริกา
นางโอลกา ซานเชซ คอร์เดโร ว่าที่รัฐมนตรีมหาดไทยในรัฐบาลใหม่ของเม็กซิโกที่จะเริ่มมีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ ยอมรับว่ากำลังอยู่ระหว่างการหารือกับทางการสหรัฐ แต่ยืนยันว่าไม่สามารถทำความตกลงอย่างเป็นทางการได้ เนื่องจากยังไม่มีสถานะเป็นรัฐบาล พร้อมกันนั้นก็ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า เม็กซิโกเตรียมประกาศตัวเป็น “ประเทศที่ 3 ที่ปลอดภัย” สำหรับผู้อพยพ และย้ำว่าแผนใหม่นี้เป็นเพียงแนวทางสำหรับการแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น