สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ระบุว่า สเตซี พินคัส หญิงจากนครชิคาโก สหรัฐอเมริกา ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 174 ล้านบาทจากบริษัทสตาร์บัคส์ เหตุเพราะร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ของโลกจำหน่ายเครื่องดื่มเย็นในปริมาณน้อยกว่าที่เมนูระบุเอาไว้ ทำให้ลูกค้าต้องจ่ายเงินมากกว่าสิ่งที่ควรจะได้
เอกสารที่พินคัส ยื่นต่อศาลเพื่อให้คณะลูกขุนพิจารณาคดี ซึ่งมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากดังกล่าว ระบุว่า สตาร์บัคส์หลอกลวงผู้บริโภคผ่านการโฆษณา ด้วยการขายเครื่องดื่มเย็นในปริมาณที่น้อยกว่าที่ระบุไว้ถึงเกือบครึ่งหนึ่ง โดยพินคัส ระบุในคำร้องว่า นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2549 ลูกค้าสตาร์บัคส์หลายล้านคนถูกหลอก เนื่องจากปริมาณเครื่องดื่มเย็น เช่นในขนาดเวนติ หรือขนาดใหญ่ ลูกค้าจะได้เครื่องดื่มซึ่งเป็นปริมาณก่อนใส่น้ำแข็งเพียง 14 ออนซ์ ในขณะที่เมนู ระบุไว้ที่ 24 ออนซ์ พร้อมทั้งบอกด้วยว่า สตาร์บัคส์ใช้เส้นที่ขีดไว้บนแก้วเพื่อให้แน่ใจว่าลูกจ้างของบริษัทจะใส่เครื่องดื่มน้อยกว่าที่ระบุไว้ในเมนูเครื่องดื่มเย็น
นอกจากนี้พินคัสยังระบุถึงราคาของเครื่องดื่มเย็นของสตาร์บัคส์ที่สูงกว่าราคาเครื่องดื่มร้อน ก่อนสรุปว่า ไม่เพียงสตาร์บัคส์ จะให้เครื่องดื่มน้อยกว่าที่ระบุไว้ในเมนูแล้วยังตั้งราคาที่สูงขึ้นด้วย
ด้านบริษัทสตาร์บัคส์ เผยแพร่แถลงการณ์ระบุว่าการฟ้องร้องดังกล่าวว่าไม่เหมาะสมและไร้สาระ “ลูกค้าของเราเข้าใจและคาดหวังว่าน้ำแข็งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องดื่มเย็น” แถลงกาณ์ระบุ และว่าหากลูกค้าไม่พอใจขั้นตอนการเตรียมเครื่องดื่มที่สั่งสตาร์บัคส์ยินดีที่จะทำให้ใหม่
ทั้งนี้ บริษัทสตาร์บัคส์ ร้านกาแฟที่มีสาขา 23,000 แห่งทั่วโลก มีรายได้ 19,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 669,000 ล้านบาทเมื่อปีงบประมาณ 2558 เพิ่มขึ้น 16.5 เปอร์เซ็นต์จากปี 2557 ในจำนวนนี้เครื่องดื่มคิดเป็นรายได้สัดส่วนถึง 73 เปอร์เซ็นต์ของยอดขาย
