กลุ่มว่าด้วยนโยบายและกฎหมายสาธารณะนานาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรของนักกฏหมายด้านสิทธิมนุษยชนที่มีสัญญาจ้างกับกระทรวงการต่างประเทศสหนักให้สอบสวนเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงต่อชาวมุสลิมโรฮีนจาในเมียนมา ออกมาเรียกร้องให้มีการจัดตั้งศาลอาญาเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ
รายงานดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยมีการสัมภาษณ์ผู้อพยพชาวโรฮีนจามากกว่า 1,000 คนที่หนีภัยความรุนแรงไปยังบังกลาเทศย้ำว่า มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่าสิ่งที่กองทัพเมียนมาได้ทำลงไปคืออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และอาชญากรรมสงครามต่อชาวโรฮีนจา
การใช้คำว่า “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” จะเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะต้องดำเนินมาตรการอย่างแข็งกร้าวมากขึ้นต่อเมียนมา ซึ่งอาจรวมถึงการประกาศมาตรการลงโทษต่อรัฐบาลเมียนมาด้วย
“ประชาคมระหว่างประเทศจำเป็นต้องปกป้องพลเมืองที่ตกเป็นเป้าของการประกอบอาชญากรรมอันเลวร้ายจากรัฐบาลของพวกเขาเอง เพื่อรับประกันว่าความยุติธรรมจะต้องเกิดขึ้น และต้องมีผู้รับผิดต่อการประกอบอาชญากรรมดังกล่าว”รายงานระบุ
รายงานดังกล่าวยังเรียกร้องให้มีการจัดตั้งกลไกที่เชื่อถือได้ หรือส่งเรื่องให้กับศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี) ซึ่งเป็นองค์กรภายใต้การกำกับของสหประชาชาติที่ดูแลและพิจารณาคดีในลักษณะดังกล่าวอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนสิงหาคม รายงานการสอบสวนของสหประชาชาติกรณีโรฮีนจาระบุชี้ชัดว่า กองทัพเมียนมาได้ทำการสังหารหมู่และข่มขืนชาวโรฮีนจา ภายใต้ความตั้งใจที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พร้อมทั้งระบุว่ามีผู้บัญชาการทหารและนายพลอีก 5 คนของเมียนมา ที่ควรต้องถูกนำตัวไปดำเนินคดีตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศ