รองเลขาธิการกิจการสิทธิมนุษยชนองค์การสหประชาชาติ ผู้อำนวยการบริหารองค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) และผู้อำนวยการบริหารกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ ร่วมกันออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมาระบุถึงสถานการณ์ในสาธารณรัฐเซาท์ซูดานหรือซูดานใต้ว่า ในช่วง 12 วันที่ผ่านมามีผู้หญิงและเด็กที่ถูกข่มขืนหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศและต้องเข้ารับการรักษาตัว ในพื้นที่เมืองเบนติอู เมืองใหญ่อันดับสองของซูดานใต้จำนวนมากถึง 150 ราย
แถลงการณ์ระบุถึงเหตุการณ์ซึ่งก่อขึ้นโดยชายติดอาวุธและส่วนใหญ่อยู่ในชุดเครื่องแบบว่าเป็น “การคุกคามที่น่ารังเกียจ” พร้อมทั้งระบุว่านายอันโตนิโอ กูร์แตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติประณามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรง
แถลงการณ์ระบุด้วยว่าแม้เหล่าผู้นำในซูดานใต้จะยุติความเป็นปฏิปักษ์ตามพันธกรณี รวมถึงข้อตกลงสันติภาพที่มีขึ้นใหม่ แต่สถานการณ์ความมั่นคงของพลเรือนในประเทศยังคงเลวร้ายโดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก นอกจากนี้รายงานระบุว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 มีคดีความรุนแรงทางเพศเกิดขึ้นแล้วราว 2,300 คดีที่มีรายงานถึงหน่วยงานการแพทย์ โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก โดยคาดว่าตัวเลขที่แท้จริงจะมีจำนวนมากกว่านี้
ทั้งนี้ซูดานใต้ ซึ่งแยกตัวออกจากประเทศซูดานเมื่อปี 2554 ตกอยู่ท่ามกลางสงครามกลางเมืองระหว่างสองชนเผ่าที่เริ่มขึ้นในปี 2556 โดยล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้วหลายหมื่นคน ขณะที่กว่า 4 ล้านคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ในจำนวนนี้ 1.8 ล้านคนอพยพออกจากประเทศ
