‘มาครง’ ยอมแพ้เลิกขึ้นภาษีน้ำมัน หลังประท้วงเสื้อกั๊กเหลืองลุกลาม

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม รัฐบาลประธานาธิบดี เอ็มมานุเอล มาครง ของฝรั่งเศส ประกาศเลิกล้มแผนเพิ่มการจัดเก็บภาษีน้ำมัน ที่เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายงบประมาณประจำปี 2562 หลังเผชิญการต่อต้านอย่างหนักจากขบวนการเสื้อกั๊กเหลือง ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนฝรั่งเศสทั่วไปอย่างท่วมท้น แม้ว่าในการชุมนุมประท้วงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา จะเกิดเหตุรุนแรงจนกลายเป็นการจลาจลที่เลวร้ายที่สุดในพื้นที่ใจกลางกรุงปารีสในรอบ 50 ปีก็ตาม

การยกเลิกแผนการขึ้นภาษีดังกล่าวมีขึ้น 1 วันหลังจากที่รัฐบาลเพิ่งอ่อนข้อให้ผู้ประท้วงเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมาโดยสั่งระงับการขึ้นภาษีดังกล่าวไว้ 6 เดือน รวมถึงการระงับใช้มาตรการอื่นๆ อาทิ ระเบียบส่งเสริมการใช้รถรุ่นใหม่เพื่อลดภาวะโลกร้อน ซึ่งส่งผลกระทบสูงมากต่อชาวฝรั่งเศสซึ่งใช้รถยนต์เก่าที่ใช้น้ำมันดีเซลซึ่งก่อให้เกิดมลภาวะ และยิ่งทำให้นายมาครง ถูกกล่าวหาว่าเป็น “ประธานาธิบดีของคนรวย” มากยิ่งขึ้นหลังจากที่ได้รับฉายาใหม่นี้มาจากการที่สั่งปรับลดภาษีทรัพย์สินให้ครอบคลุมเฉพาะเพียงอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเอื้อต่อธุรกิจและเศรษฐีมั่งคั่งทั้งหลาย ทั้งนี้ นายบ็องฌาแม็ง กรีเวต์ โฆษกรัฐบาลชี้ว่า อาจมีการทบทวนภาษีทรัพย์สินดังกล่าวด้วย และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรวมทั้ง สหภาพแรงงานและแกนนำธุรกิจช่วยกันผลักดันให้เกิดความสงบขึ้น

การยินยอมยกเลิกแผนขึ้นภาษีดังกล่าว ถือเป็นการอ่อนข้อครั้งใหญ่ครั้งแรกในรอบ 18 เดือนของประธานาธิบดี มาครง ซึ่งมีขึ้นในขณะที่คะแนนนิยมของนายมาครงลดลงอย่างรวดเร็วเหลือเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เห็นว่านายมาครงบริหารประเทศได้ดีในการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของสำนักโพล เอลาเบ ซึ่งยังแสดงให้เห็นด้วยว่า แม้ 82 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างจะไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง แต่ 72 เปอร์เซ็นต์กลับให้การสนับสนุนการประท้วงของขบวนการกั๊กเหลืองเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณขานรับในทางที่ดีจากกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งยังคงยืนกรานกำหนดชุมนุมประท้วงครั้งต่อไปในวันที่ 8 ธันวาคมนี้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image