กรมการกงสุลเปิดตัว E-VISA พร้อมมอบ 2 ของขวัญปีใหม่ให้ปชช

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายนายชัยสิริ อนะมาน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายธานี ทองภักดี รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการเปิดตัวโครงการ “ระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ระยะแรกของประเทศไทย” หรือที่เรียกกันว่า Thai E-VISA (ไทย อี-วีซ่า) ของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งธนาคารกสิกรไทยเข้ามาสนับสนุนด้านระบบการชำระค่าธรรมเนียมอิเล็กทรอนิกส์ โดยนายชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล ได้ลงนามในความตกลงในความร่วมมือกับนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย

นายชาตรีกล่าวว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญของกรมการกงสุลคืออำนาจหน้าที่ในการตรวจลงตราคนต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศไทยเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ โดยมีสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทย 96 แห่งในต่างประเทศ เป็นหน่วยงานหลักด่านแรกที่ทำหน้าที่คัดกรองคนก่อนเดินทางเข้าประเทศ

ในปี 2560 มีชาวต่างชาติยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศไทยมากกว่า 8 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นการขอวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยวมากถึง 85 เปอร์เซ็นต์ และประเทศที่มีการขอวีซ่ามากที่สุดคือประเทศจีน ดังนั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วในการยื่นขอรับวีซ่า กรมการกงสุลในฐานะผู้ทำหน้าที่ตรวจลงตราคนต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศไทย จึงได้พัฒนาระบบอี-วีซ่า ให้ชาวต่างชาติสามารถยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศไทยทุกประเภท ผ่านทางออนไลน์บนเว็บไซต์ www.thaievisa.go.th

นายชาตรีกล่าวว่า ที่ผ่านมาการตรวจลงตราจะเน้นให้ความสำคัญกับมิติด้านความมั่นคงเป็นสำคัญ แต่เมื่อประเทศไทยมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และสังคมสูงขึ้น การตรวจลงตราจึงมีความสำคัญเพิ่มขึ้นในฐานะเครื่องมือหนึ่งของรัฐบาลในการส่งเสริมและสนับสนุนพัฒนาการทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน ดังจะเห็นได้ว่ากระทรวงการต่างประเทศได้เข้ามามีบทบาทในประเด็นเหล่านี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย การสร้างความตระหนักรู้ในกลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุน ที่ประเทศไทยให้ความสนใจที่จะดึงดูดเข้ามาลงทุนในประเทศ เช่น Smart visa

Advertisement

ด้วยเหตุนี้ เพื่อให้การตรวจลงตราสามารถตอบสนองต่อพัฒนาการทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมการกงสุล ได้พัฒนาระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ขึ้น โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆ พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองคนที่เข้ามายื่นขอวีซ่าให้มากขึ้น นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางมาเมืองไทยเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ แล้ว อี-วีซ่ายังถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่กงสุลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อธิบดีกรมการกงสุลกล่าวว่า กรมจะเปิดให้บริการอี-วีซ่า ในต้นปี 2562 ที่ประเทศจีนเป็นที่แรก เริ่มจากกรุงปักกิ่ง ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 ก่อนขยายไปสถานกงสุลใหญ่ในเมืองอื่น ๆ ในจีน ในวันที่ 1 มีนาคม 2562 ตามด้วยอังกฤษ และฝรั่งเศส ในวันที่ 1 เมษายน 2562 แล้วจะขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีความพร้อมตามลำดับ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเปิดให้บริการในทุกประเทศที่มีสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศภายใน 3 ปี

การยื่นขอรับการตรวจลงตราในระบบนี้จะครอบคลุมการตรวจลงตราทุกประเภท ระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล รูปถ่าย และเอกสารประกอบของผู้ร้องให้ครบถ้วน เป็นไปตามระเบียบ และสอดคล้องกับมาตรฐานสากลที่องค์การการบินระหว่างประเทศ(ไอเคโอ)กำหนด ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ยื่นคำร้อง แต่ยังช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบเอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพอีกด้วย

Advertisement

นายชาตรีกล่าวว่า ในส่วนของการชำระค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราออนไลน์(อี-เพย์เมนท์) ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของระบบอี-วีซ่า กรมการกงสุลได้ร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย เปิดให้บริการชำระค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา โดยนำเอาเทคโนโลยีการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดของธนาคาร และระบบเข้ารหัส มาใช้กับระบบการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ผู้ใช้บริการมั่นใจได้ว่าจะสามารถชำระค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

จุดเด่นสำคัญ 3 ด้านของอี-วีซ่า ได้แก่ 1. ความสะดวกรวดเร็ว นักท่องเที่ยวสามารถเริ่มต้นกระบวนการขอวีซ่าบนออนไลน์ด้วยตนเองตั้งแต่การกรอกแบบฟอร์ม ยื่นเอกสาร การชำระค่าธรรมเนียมแบบอี-เพย์เมนท์ผ่านระบบของธนาคารกสิกรไทย และทำการนัดหมายวันเวลาที่สะดวกผ่านระบบ เพื่อเดินทางไปยื่นหนังสือเดินทางที่สถานทูตหรือสถานกงสุล 2. สามารถใช้บริการได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยระบบออนไลน์ผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ และ 3. ปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการชำระเงินที่มีเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานโลก

ในระยะต่อไป กรมการกงสุลมุ่งพัฒนาระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ให้มีประสิทธิภาพเต็มรูปแบบ โดยในอนาคตการตรวจลงตราจะไม่จำเป็นต้องติดแผ่นปะลงในหนังสือเดินทางอีกต่อไป แต่จะเป็นการแจ้งผลทางอีเมล์ และการส่งผลการตรวจลงตราไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองผ่านระบบเชื่อมโยงที่พัฒนาขึ้นร่วมกันพร้อมกับจะนำระบบชีวมาตร(biometric) มาใช้ในการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล หรือการนำเทคโนโลยี Robotic Process Automation มาใช้ตรวจสอบข้อมูลของผู้ยื่นคำร้อง

ด้านนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า บริการอี-วีซ่า เป็นบริการระดับสากลที่อยู่บนระบบที่มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก ธนาคารกสิกรไทยได้เข้ามาสนับสนุนด้านระบบการชำระค่าธรรมเนียมอิเล็กทรอนิกส์ของบริการนี้ ทำให้สามารถรองรับธุรกรรมข้ามประเทศได้กว่า 126 สกุลเงินทั่วโลก ผ่านหลายช่องทาง ทั้งบัตรเครดิต คิวอาร์โค้ด และอินเตอร์เน็ดแบงค์กิ้ง โดยในส่วนของการชำระผ่านคิวอาร์โค้ดจะเริ่มที่ประเทศจีน ซึ่งจะรองรับการชำระผ่านทั้ง WeChat Pay AliPay และ China Union Pay ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การดูแลระบบให้มีความเสถียรและปลอดภัยสูงสุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ขอวีซ่าและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย นอกจากนี้ธนาคารฯ ยังจะร่วมสนับสนุนและพัฒนาโครงการนำเทคโนโลยี Robotic Process Automation มาใช้ตรวจสอบข้อมูลของผู้ขอวีซ่าของกรมการกงสุลในอนาคตด้วย

ถือเป็นพัฒนาการแห่งความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศไทย ที่จะได้ทั้งความสะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น สมกับที่อธิบดีชาตรียืนยันว่า กรมการกงสุลมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประสิทธิภาพในการให้บริการทั้งแก่ประชนชนและผู้ใช้บริการชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง และพร้อมในการเป็นกลไกสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ

*****

“บัวแก้ว” มอบ 2 ของขวัญปีใหม่ให้ปชช.

บริการรับคำร้องหนังสือเดินทางเล่มบุคคลทั่วไปในวันเสาร์

เปิดบริการ วันเสาร์ที่ 8/15/22 ธันวาคม 2561 และวันเสาร์ที่ 5 มกราคม 2562
สถานที่ให้บริการ
1.สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ศรีนครินทร์ (ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค)
2.สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปิ่นเกล้า (อาคาร SC Plaza /สายใต้ใหม่)
3.สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว MRT คลองเตย
เวลาให้บริการ – 08.30-15.30 น.
ประเภทการให้บริการ – สำหรับการทำหนังสือเดินทางธรรมดา โดยจัดส่งทางไปรษณีย์ (EMS)

บริการเอกสารแปลสำเร็จรูปก่อนการรับรองเอกสารสำหรับประชาชนเป็นเวลา 3 เดือน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระค่าแปลเอกสาร

เปิดบริการ  เดือนมกราคม – มีนาคม 2562
สถานที่ให้บริการ – กองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ
เวลาให้บริการ – 08.30-15.30 น.
ประเภทการให้บริการ – เฉพาะเอกสาร 16 ประเภท ได้แก่ (1) บัตรประจำตัวประชาชน (2) แบบรับรองการทะเบียนราษฎร (3) ทะเบียนบ้าน (4) สูติบัตร (5) มรณบัตร (6) ใบสำคัญการสมรส (7) ทะเบียนสมรสและบันทึก (8) ใบสำคัญการหย่า (9) ทะเบียนหย่าและบันทึก (10) ทะเบียนฐานะแห่งครอบครัว (11) บันทึกฐานะแห่งครอบครัว (12) หนังสือรับรองการใช้คำนำหน้านาม (13) หนังสือสำคัญการเปลี่ยนชื่อสกุล (14) หนังสือสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัว (15) หนังสือสำคัญการร่วมใช้ชื่อสกุล และ (16) หนังสือสำคัญการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล
รูปแบบการให้บริการ – (1) ประชาชนเจ้าของเอกสารต้องนำมายื่นและกรอกคำร้องด้วยตนเอง จะไม่รับเอกสารที่ยื่นผ่านตัวแทนหรือนายหน้า โดยมีค่าธรรมเนียมนิติกรณ์ตามปกติ (2) การส่งคืนเอกสารให้ประชาชนจะส่งทางไปรษณีย์ เพื่อลดภาระการเดินทางมารับเอกสารด้วยตนเอง ทั้งนี้ มีค่าบริการส่งเอกสารทางไปรษณีย์จำนวน 60 บาท

สามารถสอบถามข้อมูลหรือรายละเอียดเพิ่มเติมตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ Call Center กรมการกงสุล 02-572-8442 และที่ Facebook กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image