การชุมนุมประท้วงของกลุ่มผู้ใส่เสื้อกั๊กเหลืองในฝรั่งเศสเริ่มขึ้นอีกครั้งในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ โดยหลังการชุมนุมเปิดฉากขึ้นได้ไม่นาน ตำรวจต้องยิงแก็สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมและจับกุมคนไปแล้วหลายร้อยคน ในพื้นที่ปะทะใกล้กับถนนชองเซลิเซอันโด่งดังกลางกรุงปารีส

กลุ่มผู้ประท้วงได้ตะโกนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสลาออกจากตำแหน่ง โดยผู้ประท้วงระบุว่าวางแผนที่จะบุกเข้าไปที่ทำเนียบประธานาธิบดี เนื่องจากโกรธแค้นที่รัฐบาลให้ความสนใจและดูแลแต่ประชาชนที่มีฐานะร่ำรวย

นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสเผยว่า ขณะนี้ทางการได้ควบคุมตัวผู้ชุมนุมในกรุงปารีสไปแล้วเกือบ 700 คน โดยตำรวจได้ตรวจเช็คผู้คนที่เดินทางมาถึงสถานีรถไฟต่างๆ รวมถึงจุดที่มีการชุมนุมประท้วงด้วย ผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมตัวจำนวนหนึ่งพกหน้ากาก ค้อน ที่ยิงหนังสติ๊ก และก้อนหิน ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้

ด้านร้านค้า ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ หอไอเฟล และสถานีรถไฟหลายแห่งปิดให้บริการในวันนี้ เช่นเดียวกับการแข่งขันฟุตบอลและคอนเสิร์ตที่ถูกยกเลิก
การชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้านการขึ้นราคาน้ำมันของรัฐบาลเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และค่อยๆ ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม การประท้วงได้ลุกลามเป็นความรุนแรง และมีการเผารถไปถึง 200 คัน ซึ่งสร้างความตื่นตกใจไปทั่วโลก และนับเป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีมาครงประสบ

ก่อนหน้านี้รัฐบาลของประเทศต่างๆ รวมถึงไทยได้ออกมาเตือนพลเมืองของตนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังกรุงปารีสในช่วงเวลานี้ ส่วนคนที่อยู่ในฝรั่งเศส ก็ขอให้หลีกเลี่ยงการชุมนุม และปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้

ล่าสุดรัฐมนตรีช่วยกระทรวงกิจการภายในของฝรั่งเศสประเมินว่า มีผู้ออกมาร่วมชุมนุมประท้วงในวันนี้ทั่วประเทศ 31,000 คน โดยที่ปารีสมีผู้ออกมาประท้วงราว 8,000 คน