กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลฝรั่งเศสที่สวม “เสื้อกั๊กสีเหลือง” สะท้อนแสงยังคงออมาเดินขบวนหลายหลายจุดทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งก่อเหตุขว้างปาสิ่งของ ทำลายร้านค้าร้านอาหาร เผารถยนต์อีกจำนวนหนึ่งปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ในการประท้วงต่อต้านรัฐบาลนำโดยประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง ในช่วงสุดสัปดาห์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 แล้ว
รายงานระบุว่าการประท้วงครั้งนี้ที่เรียกกันว่า “แอคต์4” รุนแรงน้อยกว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยมีผู้ประท้วงในกรุงปารีสราว 10,000 คนขณะที่ทั่วประเทศที่มีการชุมนุมเกิดขึ้นในบอร์โดซ์ ลียง ตูลูซ และอื่นๆ รวมแล้ว 125,000 คน ขณะที่ทางการฝรั่งเศสออกมายืนยันว่าสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้แล้วโดยในเหตุล่าสุดมีผู้บาดเจ็บ 135 ราย และมีผู้ถูกจับกุมเกือบ 1,000 รายในจำนวนนี้ 620 รายถูกจับกุมในปารีส
แม้ว่ารัฐบาลจะยกเลิกนโยบายการขึ้นภาษีน้ำมันซึ่งเป็นประเด็นที่จุดชนวนให้เกิดการประท้วงนโยบายของรัฐบาลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนรวยลงแล้ว แต่การประท้วงนั้นขยายวงไปเป็นการขับไล่นายมาครงออกจากตำแหน่ง ขณะที่นายเอดูร์ เฟลิเป นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส เรียกร้องให้มีเจรจากับตัวแทน ‘เสื้อกั๊กเหลือง’ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น
ทั้งนี้การประท้วงที่รุนแรงส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวด้วยเมื่อสถานที่สำคัญหลายแห่งต้องปิดตัวลงเป็นการชั่วคราว เช่นร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงแลนด์มาร์คสำคัญอย่างพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ หอไอเฟล รวมถึงปารีสโอเปราเฮาส์ ด้วยเช่นกัน
ข่าวรอบด้าน กับ Line@มติชนนิวส์รูม คลิกเป็นเพื่อนกัน ได้ที่นี่