ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมาระบุว่า พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมผู้นำเข้าสินค้าประมงไทยในทวีปยุโรป โดยมีตัวแทนผู้นำเข้าสินค้าประมงไทยในภูมิภาคยุโรปเข้าร่วมงานอาทิ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร ประจำสหราชอาณาจักร สมาคมการค้าที่สนับสนุนการค้าอย่างยั่งยืน เป็นต้น ได้เข้าร่วมประชุมพบปะผู้นำเข้าสินค้าประมงไทยเพื่อสร้างความมั่นใจหลังจากสหภาพยุโรปปลดใบเหลืองประมงไทยเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมประกาศเดินหน้า “ไอยูยู-ฟรี ไทยแลนด์” เป็นเรื่องแรก
โดยพลเอกฉัตรชัยระบุว่า ตนเน้นย้ำอยู่เสมอในการใช้การทำประมงอย่างยั่งยืนในการแก้ปัญหาประมงของประเทศไทย และสิ่งนี้เป็นคำตอบสุดท้ายในการแก้ปัญหาการประมงของทั้งโลก โดยเชื่อว่าหากเราเดินหน้าทำให้เกิดการประมงอย่างยั่งยืนได้ นานาประเทศจะให้การยอมรับ และหลังจากสหภาพยุโรปปลดใบเหลืองกับประมงไทยแล้วก็ทำให้เห็นว่าแนวทางที่รัฐบาลทำมาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก
“การปลดใบเหลืองไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลอยากเห็นเท่านั้นแต่เราอยากเห็นว่าจากนี้ไปประเทศไทยจะมีการทำประมงอย่างยั่งยืนจริงๆ ซึ่งการที่จะเกิดขึ้นได้ไม่เฉพาะรัฐบาลเท่านั้นแต่ทุกภาคส่วน ภาคประมง ส่งออก แปรรูป ต้องร่วมมือกันทำงานกันต่อไป หากทำให้เกิดความยั่งยืนขึ้นได้จริงๆ พี่น้องชาวประมงก็จะมีความสุขอุตสาหกรรมประมงไทยก็สามารถทำได้อย่างยั่งยืนและส่งผลดีกับเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมหาศาล สิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์มากกว่าการที่เราได้รับการปลดใบเหลือง” พลเอกฉัตรชัย ระบุ
นอกจากนี้รองนายกรัฐมนตรียังระบุถึงสิ่งที่จะต้องทำเป็นลำดับแรกๆคือการ ทำให้ไทยเป็น “ไอยูยู-ฟรี” หมายถึงไม่เฉพาะประมงไทยเท่านั้นที่ปลอดไอยูยู แต่ยังหมายถึงสินค้าประมงที่นำเข้ามาในประเทศไทยเพื่อแปรรูปส่งออกจะต้องเป็นสินค้าที่ปราศจากการประมงผิดกฎหมาย นับเป็นการก้าวหน้าไปอีกขั้น โดยหมายถึงใครจะทำธุรกิจกับไทยโดยส่งสินค้าประมงมาเพื่อแปรรูป จะต้องเป็นประมงที่ปลอดไอยูยูด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นจะทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าประมงจากไทยที่ส่งออกไปต่างประเทศนั้นเป็นไอยูยู-ฟรี แน่นอน และเวลานี้คณะรัฐบาลไทยได้ตั้งคณะทำงานแล้ว มีการประชุมไปแล้ว 2 ครั้งและจะเดินหน้าต่อไปให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้พลเอกฉัตรชัยยังระบุรวมไปถึงการผลักดันให้ไทยมีบทบาทนำในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายในภูมิภาคโดยเตรียมมีการจัดตั้ง “อาเซียนทาสก์ฟอร์ซ” ขึ้นเป็นหน่วยงานสอดส่องดูแลซึ่งกันและกันซึ่งก็จะมีการประชุมในเดือนเมษายนปีนี้
พลเอกฉัตรชัย กล่าวถึงทิศทางเรื่องแรงงานด้วยว่า ปัญหาแรงงานไม่ใช่มีเพียงแค่ภาคประมงเท่านั้น แต่ยังมีในหลายๆภาคส่วน แต่ชื่อมั่นว่าในวันนี้กฎหมายต่างๆที่ออกไปรวมถึงการให้สัตยาบันด้านแรงงานต่างๆนั้นล้วนเป็นพื้นฐานให้มีการทำงานในเรื่องแรงงานนั้นถูกต้องและอยู่บนพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชน โดยตนเชื่อว่าปัจจุบันนี้คงยากที่จะถอยหลังกลับ และพูดได้ว่าหากแรงงานภาคประมงเข้มแข็ง แรงงานในภาคอื่นๆก็จะเดินหน้าไปในทิศทางนี้เช่นกันซึ่งทั้งหมดกระทรวงแรงงานก็จะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นด้วยว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะสานต่องานด้านการประมงเหล่านี้ เพราะได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นการเดินถูกทางและก่อให้เกิดประโยชน์กับชาวประมงและผู้ประกอบการประมงทั้งหมด