หนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทม์สของสิงคโปร์รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญและสื่อมวลชนประเมินว่าสถานที่ที่มีความเป็นไปได้ที่สุดที่จะใช้จัดประชุมสุดยอดระหว่างทรัมป์และคิม ครั้งที่ 2 น่าจะเป็นประเทศเวียดนาม อย่างไรก็ดีแหล่งข่าวในวอชิงตันเปิดเผยกับสเตรทส์ไทม์สว่า ขณะนี้รายชื่อถูกตัดลงเหลือเพียงเวียดนามและประเทศไทย ซึ่งทั้งสองประเทศเสนอตัวว่าพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพในการจัดการพบปะระหว่างผู้นำสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ ไทยและเวียดนามล้วนแต่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐและเกาหลีเหนือ และมีสถานที่หลายแห่งที่สามารถใช้จัดการประชุมดังกล่าวขึ้นได้ โดยเมื่อปี 2560 เวียดนามเพิ่งจัดประชุมสุดยอดเอเปคที่เมืองดานัง ซึ่งทรัมป์ก็เดินทางไปเข้าร่วมประชุมด้วย ขณะที่ไทยก็เคยจัดประชุมระหว่างประเทศขึ้นหลายครั้ง ทั้งที่กรุงเทพฯและหัวหิน แต่ภูเก็ตและพัทยาก็มีทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการจัดการประชุมระดับนี้เช่นกัน
สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เวียดนามแสดงความพร้อมที่จะจัดประชุมดังกล่าวขึ้นที่เมืองดานังด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ขณะที่รัฐบาลไทยยังคงอยู่ระหว่างการวางแผนที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นภายในไม่เกินเดือนมีนาคมนี้
ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวันหนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทม์สรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ของทางการเกาหลีใต้ว่า ประเทศที่อยู่ในตัวเลือกของสถานที่ที่มีความเป็นไปได้ที่จะใช้จัดประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เหลืออยู่เพียง 2 ประเทศ คือ สิงคโปร์ หรือเวียดนาม
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า 3 สถานที่ที่ฝ่ายสหรัฐกำลังพิจารณาประกอบด้วย ไทย เวียดนาม และฮาวาย อย่างไรก็ดี ล่าสุดแหล่งข่าวจากกระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ระบุว่า ฮาวายเป็นสถานที่ที่ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ เพราะไม่มีสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนืออยู่ที่นั่น
ขณะที่สิงคโปร์เป็นสถานที่ที่เคยใช้จัดการประชุมซัมมิตระหว่างทรัมป์และคิมครั้งแรกมาแล้ว ส่วนเวียดนามก็มีความเป็นไปได้เพราะอยู่ในระยะการบินของเครื่องบินส่วนตัวของผู้นำเกาหลีเหนือที่สามารถทำระยะได้ 7,000 กม. อย่างไรก็ดี เกาหลีใต้หวังว่าผู้นำสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือน่าจะใช้หมู่บ้านปันมุนจอม ที่ตั้งอยู่ในเขตปลอดทหารระหว่างสองเกาหลี และเป็นที่พบปะกันครั้งแรกระหว่างนายคิมกับนายมุน แจ อิน ผู้นำเกาหลีใต้เป็นสถานที่พบปะกัน แต่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้รับว่าโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก
โดยสื่อรายแรกที่รายงานว่าไทยเป็นหนึ่งใน 3 สถานที่ที่มีความเป็นได้ว่าจะใช้เป็นสถานที่หารือระหว่างทรัมป์และคิม คือสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น
