เว็บไซต์เดลีเมล์รายงานเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมาว่า เกิดเหตุสยองขึ้นที่ศูนย์วิจัยตอนเหนือของเกาะสุลาเวสี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อพบศพนักวิทยาศาสตร์หญิงถูกแทะกินเหลือเพียงครึ่งตัวในบ่อจระเข้ โดยคาดว่านักวิทยาศาสตร์รายดังกล่าวจะถูกจระเข้กระโดดงับดึงลงไปในบ่อขณะให้อาหาร ในช่วงเช้าของวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า นักวิทยาศาสตร์รายดังกล่าวมีชื่อว่า เดซี ตูโว วัย 44 ปี คาดว่าจะถูกจระเข้ความยาว 17 ฟุตลากลงไปในบ่อขณะที่กำลังให้อาหาร ด้านเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าจระเข้ที่มีชื่อว่า “เมอร์รี” มีเศษชิ้นส่วนอวัยวะติดอยู่ในขากรรไกรด้วย
ด้านเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเมอร์รีกระโดดขึ้นโดยใช้สองขาหลังงับตูโวข้ามกำแพงสูง 8 ฟุตลงไปในบ่อ ก่อนที่เพื่อนร่วมงานมาพบในเวลาต่อมาหลังจากเห็น “วัตถุรูปร่างประหลาด” ลอยอยู่ในน้ำ นอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วนอวัยวะติดอยู่ที่ขากรรไกรของเจ้าเมอร์รีด้วย ขณะที่เจ้าเมอร์รีเองมีประวัติทำร้ายจระเข้ตัวอื่นๆ แต่ยังไม่เคยมีประวัติทำร้ายมนุษย์มาก่อน
ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยกู้ร่างของตูโวขึ้นมาได้ด้วยความยากลำบาก เนื่องจากจระเข้จะทึ้งซากศพอย่างเกรี้ยวกราดทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่พยายามใช้เชือกดึงศพขึ้นเหนือน้ำ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้จับตัวเจ้าเมอร์รีเพื่อนำไปตรวจสอบยืนยันอีกครั้งว่าได้กินชิ้นส่วนของนักวิทยาศาสตร์เข้าไปจริงๆ
เออร์ลิง รูเมนกัน เพื่อนร่วมงานของตูโว ผู้พบศพระบุว่า ตูโวเป็นคนเงียบๆ และรักสัตว์ ก่อนเล่าว่าตนเกิดความสงสัยหลังจากเห็นวัตถุรูปร่างประหลาดลอยอยู่ในน้ำ โดยหลังจากพบว่าเป็นศพก็ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในทันที พร้อมทั้งสันนิษฐานว่าเป็นไปได้ว่าจระเข้จะกระโดดจากด้านข้าง และบางทีอาจเพราะจระเข้ยังอิ่มอยู่จึงยังไม่ได้กินศพของตูโวทั้งหมด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมตามหาตัวเจ้าของจระเข้ทั้งหมดหลังเกิดเหตุ โดยเชื่อว่าจะเป็นชายชาวญี่ปุ่นผู้เป็นเจ้าของศูนย์วิจัยดังกล่าวด้วย เพื่อตรวจสอบว่าเป็นการครอบครองสัตว์หลายชนิดอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยในช่วงเวลาเกิดเหตุนั้นชายญี่ปุ่นรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ที่ศูนย์วิจัยแต่อย่างใด
