สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 25 มกราคม ว่า ผลสำรวจชิ้นใหม่จากธิงค์แทงค์เดโมกราฟเฟียเปิดเผยว่า เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนมีราคาบ้านที่พอซื้อได้น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับบรรดาเมืองใหญ่ 87 เมืองที่ได้รับการสำรวจ
ราคาบ้านในฮ่องกงถูกจัดอันดับ “ไม่สามารถซื้อได้อย่างรุนแรง” โดยถือเป็นระดับราคาบ้านที่สามารถพอซื้อได้ระดับน้อยสุดเท่าที่เคยบันทึกในประวัติศาสตร์ 12 ปีของผลสำรวจราคาบ้านโดยองค์กรนี้
การเติบโตจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น, นักลงทุนชาวจีนผู้มั่งคั่ง, และนโยบายการเงินของสหรัฐที่ทำให้มีการกู้เงินอย่างหลากหลายด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ส่งผลให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองที่ราคาบ้านแพงอย่างมาก
รายงานระบุว่า ราคาบ้านในฮ่องกงสูงกว่าเงินใช้ในครัวเรือนเฉลี่ยก่อนหักภาษี 19 เท่า ตามข้อมูลของเอกสารตรวจสอบราคาอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกง การซื้อห้องขนาด 40 ตารางเมตร ผู้ซื้อจำเป็นต้องจ่ายเงินสูงกว่า 750,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 27,000,000 บาท)
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ฟองสบู่ราคาบ้านนี้จะแตกตัวเมื่ออัตราดอกเบี้ยสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น โดยเงินเหรียญฮ่องกงถูกตรึงกับเงินเหรียญสหรัฐ และอัตราดอกเบี้ยในฮ่องกงจะช่วยสะท้อนอัตราดอกเบี้ยสหรัฐด้วย
ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นเองประกาศว่าจะเพิ่มจำนวนบ้านให้เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งจะยิ่งทำให้ราคาบ้านลดลง ขณะที่ตามผลสำรวจราคาบ้านที่แพงที่สุด อันดับ 2 ตกเป็นของนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และตามมาด้วยเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา
