“มนูชิน” แย้มข่าวดีถกการค้า “มะกัน-จีน” แต่ยังไร้รูปธรรม!

นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (กลาง) ขณะจับมือทักทายประธานาธิบดีสี จิ้นผิง(ขวา)ของจีน โดยมีนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ยืนอยู่ด้วย ก่อนทั้งสองฝ่ายจะนั่งลงคุยหารือกัน ที่มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชขนจีน เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ (เอเอฟพี)

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายสวีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐอเมริกา ทวีตข้อความเปิดเผยว่าการเจรจาความตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีขึ้นที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนในวันเดียวกันนี้เป็นการพูดคุยที่”ก่อเกิดผล” ซึ่งมีขึ้นหลังจากนายมนูชินและนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ เสร็จสิ้นการพบปะเจรจาความตกลงการค้ากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีที่เป็นกุนซือฝ่ายเศรษฐกิจของจีน ที่กรุงปักกิ่ง โดยไม่ได้มีการเปิดเผยว่ามีความคืบหน้าอันใดที่เป็นรูปธรรมในการพบปะเจรจากันครั้งนี้หรือไม่ ก่อนที่คณะผู้แทนเจรจาการค้าของสหรัฐชุดนี้จะเข้าพบหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนต่อไปในช่วงบ่ายวันเดียวกัน

เอเอฟพี

โดยการเจรจาครั้งนี้มีขึ้นในความพยายามที่จะยุติความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกันของสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีขึ้นก่อนหน้าที่กำหนดเส้นตายที่สหรัฐจะปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เป็น 25 เปอร์เซ็นต์ มีมูลค่ารวม 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะมีผลในวันที่ 1 มีนาคมนี้ ทว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ออกมากล่าวเปรยไม่กี่วันก่อนหน้านี้ว่าอาจจะขยยเวลากำหนดเส้นตายดังกล่าวออกไป หากผลการเจรจาทางการค้าระหว่างกันที่กรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้มีความคืบหน้ามากพอ โดยขณะนี้เป็นที่จับตาต่อไปว่าการพบปะกับประธานาธิบดีสีของคณะผู้แทนเจรจาการค้าของสหรัฐในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ จะมีการเปิดเผยรายละเอียดการหารือกันหรือไม่อย่างไรต่อไป

คณะผู้แทนเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน ถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน (เอเอฟพี)

ก่อนหน้านี้ที่กรุงวอชิงตัน นายแลร์รี คัดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของทรัมป์ออกมากล่าวว่า ความเต็มใจของนายสีที่จะพบกับคณะผู้แทนเจรจาสหรัฐถือเป็นสัญญาณที่ดีมาก ซึ่งจะมีการหารือกันครอบคลุมทุกเรื่อง และว่า สถานการณ์เป็นไปด้วยดี แต่ยังไม่มีการตัดสินใจถึงการจะขยายเวลาสงบศึกด้านมาตรการทางภาษีกับจีนออกไปหรือไม่

ทั้งนี้ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกปะทุขึ้นเมื่อรัฐบาลทรัมป์กล่าวหาจีนว่าปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับสหรัฐหลายประการ รวมถึงการกีดกันการเข้าถึงตลาดจีน และการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่จีนปฏิเสธมาโดยตลอด จนนำมาสู่มาตรการตอบโต้ทางภาษีทางกันไปมา ซึ่งมีมูลค่าทางการค้าของสองชาติรวมกันแล้วมากกว่า 360,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของทั้งสองประเทศและสั่นคลอนตลาดเงินทั่วโลกที่หวั่นเกรงว่าความขัดแย้งจะบานปลายกลายเป็นสงครามการค้าขึ้น

Advertisement

ข่าวรอบด้าน กับ Line@มติชนนิวส์รูม คลิกเป็นเพื่อนกัน ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image