เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รัฐสภาเมียนมาลงมติด้วยเสียงท่วมท้นให้ตั้งคณะทำงานเพื่อหารือถึงแนวทางการปฏิรูปรัฐธรรมนูญฉบับปี 2008 ของเมียนมาที่ทหารเป็นผู้ร่างขึ้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการเปิดฉากการท้าทายกองทัพอันทรงอิทธิพลของรัฐบาลนางออง ซาน ซูจี เป็นครั้งแรก
นายตุน ตุน เฮง รองประธานสภาและส.ส.จากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย(เอ็นแอลดี) พรรครัฐบาลของนางซูจี กล่าวต่อรัฐสภาว่าเป้าประสงค์สำคัญในการตั้งคณะทำงานที่จะประกอบด้วยสมาชิกที่ครอบคลุมจากทุกพรรค คือการร่างกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2008 ที่เป็นฉบับปัจจุบัน โดยคณะทำงานชุดนี้ที่จะประกอบด้วยสมาชิก 45 ที่นั่ง จะมาจากพรรคเอ็นแอลดี 18 ที่นั่ง ทหาร 8 ที่นั่ง ส่วนที่เหลือจัดสรรระหว่างพรรคต่างๆ
อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดใดๆเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปรัฐธรรมนูญที่ชัดเจนและขั้นตอนต่อไปหลังจากที่คณะทำงานชุดนี้ได้เสนอแนวทางการปรับแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้วว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไร
โดยการผลักดันการปฏิรูปรัฐธรรมนูญปี 2008 ของรัฐบาลนางซูจีมีขึ้นตามคำมั่นที่เคยให้ไว้ของพรรคเอ็นแอลดีของนางซูจีที่นำพรรคคว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปของเมียนมาในปี 2015 ซึ่งทำให้รัฐบาลนางซูจีจำต้องแบ่งปันอำนาจบริหารประเทศร่วมกับกองทัพ อันเป็นไปตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ทหารเป็นผู้ร่างขึ้น ซึ่งกำหนดให้กองทัพควบคุมอำนาจในกระทรวงด้านความมั่นคงทั้งหมดและที่นั่ง 1 ใน 4 ของรัฐสภาเป็นของทหาร นั่นเป็นผลให้กองทัพเมียนมามีอำนาจวีโต้คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กองทัพร่างขึ้นได้
อย่างไรก็ตามมีท่าทีประนีประนอมในเรื่องนี้มาจากพลเอกอาวุโสมิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา ที่ให้สัมภาษณ์กับอาซาฮี ชิมบุนเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า “เรายอมรับว่ารัฐธรรมนูญมีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไข แต่สิ่งที่่สำคัญคือการแก้ไขดังกล่าวไม่ควรจะทำลายส่วนประกอบที่สำคัญ”
การชงเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภาเมียนมามีขึ้นไม่กี่วันหลังจากศาลมีคำตัดสินโทษประหารชีวิตทีมยิงสังหารนายโก นี ทนายความชาวมุสลิมและเป็นที่ปรึกษาของนางซูจีเมื่อปี 2017 โดยนายโก นี เป็นตัวหลักสำคัญในการผลักดันการปฏิรูปรัฐธรรมนูญฉบับนี้ของเมียนมา
ข่าวรอบด้าน กับ Line@มติชนนิวส์รูม คลิกเป็นเพื่อนกัน ได้ที่นี่
