สัมภาษณ์พิเศษ : มอง “รัสเซีย” ผ่านสายตา ท่านทูต “ธนาธิป อุปัติศฤงค์”

ธนาธิป อุปัติศฤงค์

หมายเหตุ “มติชน” – นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานะความสัมพันธ์ไทย-รัสเซีย หลังการเยือนของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงให้มุมมองที่น่าสนใจและน่าคิดที่จะทำให้เราเข้าใจประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซียได้ดีขึ้น
/////////

๐สถานะความสัมพันธ์ไทย-รัสเซียในปัจจุบันเป็นอย่างไร

ไทย – รัสเซียมีประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ฉันมิตรที่ยาวนานกว่า 122 ปี ความสัมพันธ์แม้จะดูไม่ได้ใกล้ชิดกันนัก แต่เมื่อปี 2560 ทั้งสองประเทศได้ฉลองครอบรอบ 120 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต ในครั้งนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเยือนรัสเซียเป็นการส่วนพระองค์ระหว่าง 30 กันยายน – 8 ตุลาคม 2560 และทรงเป็นองค์ประธานเปิดการแสดงโขนที่โรงละครที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัสเซีย คือ โรงละครมารินสกี ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ภาพการแสดงโขนได้ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศรัสเซีย และถือเป็นของขวัญที่ประเทศไทยได้ให้แก่ชาวรัสเซียในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์การทูต 120 ปี

Advertisement

ไทยให้ความสำคัญกับรัสเซียมากยิ่งขึ้นอย่างมาก เพราะรัสเซียมีศักยภาพในทุกเรื่องในระดับแนวหน้า รัสเซียเองก็เริ่มต้องการมองหาพันธมิตรมากขึ้น ภายหลังจากที่ถูกหลายประเทศคว่ำบาตรอย่างต่อเนื่อง แม้รัสเซียเป็นเพื่อนที่อาจจะอยู่ไกลสักนิด แต่เขาก็เริ่มขยับตัวมาทางเอเชียมากขึ้น

สถานการณ์ตอนนี้จะเอื้ออำนวยให้ไทยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่มากขึ้นกับรัสเซีย เพื่อนำไปสู่การเพิ่มพูนความร่วมมือในทุกมิติ ผมเห็นว่าขณะนี้ความสัมพันธ์ไทย-รัสเซียน่าจะเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยว่าทั้งสองฝ่ายเริ่มเห็นความสำคัญของอีกฝ่ายชัดเจนยิ่งขึ้น

๐การเยือนรัสเซียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้นในมิติใดบ้าง

Advertisement

การเยือนรัสเซียของท่านรัฐมนตรีครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายหลายประการ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ต้องการกระชับมิตรที่อยู่ไกลให้รู้สึกว่าใกล้ยิ่งขึ้น ท่านรัฐมนตรีเห็นว่ารัสเซียมีความก้าวหน้าในหลายเรื่อง ทั้งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวไทยกว่า 1.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 9.4% และเป็นนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักที่จับจ่ายมากที่สุดในบรรดานักท่องเที่ยวจากประเทศตะวันตก ทำให้ไทยต้องหันกลับมามองศักยภาพของรัสเซียอย่างจริงจัง ซึ่งสิ่งนี้ท่านรัฐมนตรีท่านทราบดี

การเยือนในปีนี้เป็นช่วงโอกาสที่ดีที่สุด เพราะไทยเป็นประธานอาเซียน และรัสเซียจะเป็นพันธมิตรสำคัญที่สนับสนุน “Advancing Partnership for Sustainability” ในการเป็นประธานอาเซียนของไทย นอกจากนี้เรายังกำลังผลักดันการลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ซึ่งรัสเซียก็เป็นเป้าหมายสำคัญที่ไทยต้องการให้เกิดการลงทุนและค้าขายระหว่างกันที่ชัดเจนกว่านี้

๐ไทยและรัสเซียสามารถที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันในมิติใดให้มากขึ้นได้อีก

ตามที่ผมกล่าวไปแล้วว่านักท่องเที่ยวรัสเซียเป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพมากที่สุด แต่อาจเป็นข้อมูลที่คนไทยยังไม่รู้ สินค้าไทยเป็นที่นิยม คนรัสเซียจะจับจ่ายเงินจำนวนมากในเมืองไทย แต่เมื่อกลับมาที่รัสเซียสินค้าไทยกลับไม่ค่อยมีให้เห็น จุดนี้เป็นสิ่งที่ผมและสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมอสโก กำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อหาช่องทางให้สินค้าไทยได้เข้ามาขายได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ไทยลงทุนในรัสเซียกว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมการเกษตรที่ไทยถนัด ซึ่งได้สร้างความมั่นคงทางอาหารแก่รัสเซียในช่วงเวลาที่สหรัฐและตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย และไทยยังนำเข้าสินค้าพลังงานจากรัสเซียเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของเราอีกด้วย แต่อีกสิ่งที่ไทยควรทำก็คือ การเจรจาความตกลงทางการค้า(เอฟทีเอ) กับสหภาพยูเรเชีย ซึ่งเป็นเขตศุลกากรที่มีรัสเซียเป็นพี่ใหญ่ให้ได้ ผมพยายามทำงานอย่างเต็มที่ที่จะให้หน่วยงานไทยเห็นโอกาสตรงนี้ เพราะหลายประเทศในอาเซียนขยับก่อนเราแล้ว และจะรวยก่อนเราด้วย

๐รัสเซียถือเป็นหนึ่งในมหาอำนาจและผู้เล่นหลักในการเมืองโลก แต่ดูเหมือนว่าภาพที่คนทั่วไปมองรัสเซียผ่านสายตาของสื่อจากโลกตะวันตกจะออกมาไม่ค่อยดีนัก

รัสเซียเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ยาวนาน มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองและเป็นมหาอำนาจที่ไม่ค่อยเปิดตัว ซึ่งอาจเป็นเพราะรัสเซียเคยมีระบอบการปกครองสังคมนิยมกว่า 80 ปี บางท่านยังคงมีทัศนคติว่ารัสเซียยังเป็นประเทศคอมมิวนิสต์หลังม่านเหล็ก แต่ในปัจจุบันและในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น รัสเซียเป็นประเทศประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง ผู้นำก็มาจากการเลือกตั้ง ระบบเศรษฐกิจก็เป็นเสรี มีบริษัทค้าขายทั้งของเอกชนและของรัฐ ไม่ได้แตกต่างไปจากประเทศในโลกเสรีอย่างใดเลย แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้รัสเซียไม่ใช่ประเทศที่จะจะสามารถสั่งซ้ายหันขวาหันได้

การที่รัสเซียมีผู้นำที่เข็มแข็ง ทำให้ประเทศต่างๆ ย่อมต้องคิดให้มาก หากคิดจะทำอะไรที่กระทบรัสเซียเช่นกัน เพราะถ้ารัสเซียไม่พอใจก็อาจจะกระทบหรือสั่นคลอนผลประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า และการเมืองระหว่างประเทศในจุดต่างๆ ได้ ซึ่งไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจ เนื่องจากมันคือผลประโยชน์ของประเทศเขา

แต่หากมองด้วยใจเป็นธรรม การเป็นมิตรกับรัสเซียหรือการมีรัสเซียเป็นมิตร เมื่อเป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติ ก็น่าจะเป็นสิทธิของแต่ละชาติที่จะชั่งน้ำหนักเองว่าเราจะเป็นมิตรกับชาติใด ส่วนทัศนคติมันเป็นสิทธิที่จะคิดได้ ยิ่งในโลกของข่าวสารซึ่งมีทั้งข่าวปลอม ข่าวจริง ข่าวลวงต่างๆ นาๆ เราเองควรจะต้องฉลาดพอที่จะวิเคราะห์ หาข่าว และมีระบบการหาข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์แก่ชาติมากที่สุด

ผมคิดว่าในประเด็นนี้ เราเป็นคนตัดสินใจที่จะเชื่อหรือไม่เชื่ออะไรก็ได้ ตราบใดที่เราได้ประโยชน์สูงสุด และผมว่าประเทศไทยฉลาดและมีชั้นเชิงพอที่จะตัดสินใจหรือเลือกที่จะเชื่อสิ่งใดบนพื้นฐานของเหตุและผล

๐ท่านทูตคิดว่าอะไรคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับรัสเซีย และอะไรคือสิ่งที่เราควรเข้าใจให้ถูกต้อง

ผมคิดว่าใช้คำว่า “ไม่เข้าใจ” จะถูกต้องกว่า หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในช่วงต้น ประเทศนี้เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นรัฐล้มเหลว แต่ภายในเวลา 20 ปี รัสเซียกลับมายืนอยู่บนแถวหน้าของประเทศมหาอำนาจได้อย่างมีศักดิ์ศรี การพัฒนาเทคโนโลยี การสนับสนุนเอกชน มีความมั่นคงทางด้านอาหาร ทางด้านการเมือง ต้องยอมรับว่าคนรัสเซียมีความรู้ที่ดีมาก มีระบบการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ และรับสิ่งต่างๆ จากประเทศอื่นมาใช้พัฒนาประเทศอย่างน่าชื่นชม แต่สิ่งที่เราไม่รู้หรือไม่เข้าใจคือ ทัศนคติ วัฒนธรรม ความคิดของเขา ผมว่าเรายังคงมีทัศนคติที่คิดว่าเขาเป็นประเทศที่น่ากลัว ลึกลับ พิศวง มีตำรวจลับ สายลับ มาเฟีย แต่มันจะต่างกับประเทศที่เราคิดว่าเรารู้จักดีมากตรงไหนหรือไม่อย่างไร คิดว่าคนไทยไม่มากที่จะสามารถเปรียบเทียบได้

การที่เรา “ไม่เข้าใจ” รัสเซียนำไปสู่ทัศนคติของคนไทยที่แตกต่างจากเวลาที่เรามองประเทศตะวันตกอื่นๆ สิ่งแรกก็น่าจะเกิดจากการเสพข่าวด้านเดียว ต้องยอมรับว่าแหล่งข่าวต่างๆ ในไทยมาจากโลกตะวันตกที่เน้นโจมตีรัสเซียทั้งนั้น ข้อสองคือ การที่มีนักศึกษาที่มาเรียนในรัสเซียน้อยมากเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอาเซียนของเรา อย่างไรก็ดี ผมคิดว่าคนไทยมีทัศนคติที่ดีมากกับชาวรัสเซีย ดูจากนักท่องเที่ยวรัสเซียที่มาเที่ยวประเทศไทยซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และคนไทยเป็นคนที่ชาวรัสเซียให้ความชื่นชมเป็นอย่างมาก ด้วยพื้นฐานทางทัศนคติของคนทั้งสองประเทศที่มีต่อกัน ผมว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยากที่จะเป็นเปลี่ยนมุมมองหรือความไม่เข้าใจที่มีต่อกัน

หากเรามองย้อนกลับไปถึงรัสเซียในสมัยพระเจ้าซาร์ ความใกล้ชิดกันระหว่างสองประเทศที่มีมาช้านาน ซึ่งมีคนกล่าวเสมอว่าที่เรารอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคม ส่วนหนึ่งก็เพราะรัสเซียนี่เอง ผมคิดว่าเพื่อนเก่าที่แม้จะไม่ได้ติดต่อหรือไม่ได้เจอกันนานก็คงยังเป็นเพื่อนอยู่ดี รัสเซียก็เช่นกันเขาเป็นเพื่อนเรามานาน แม้ว่าจะย้ายบ้านไม่ได้เจอกันมาช่วงหนึ่ง วันนี้เขากลับมาแล้ว ความจริงใจก็ยังคงไม่ต่างจากเดิม บางทีเมื่อเราลำบาก เราควรคิดถึงเพื่อนเก่าเช่นรัสเซียที่พร้อมจะช่วยเราเสมอ เรื่องนี้ผมมั่นใจ

อยากจะทิ้งท้ายด้วยว่า ความสัมพันธ์ ไทย-รัสเซีย แม้ยังคงมีระยะห่างอยู่ แต่ผมยืนยันว่าระยะห่างนั้นลดน้อยลงไปมาก เรามีความร่วมมือในหลายๆ ด้านที่ในอดีตในสมัยที่รัสเซียยังเป็นสหภาพโซเวียต มันเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่วันนี้เราก้าวมาไกล มาถึงขั้นที่เราเรียกรัสเซียได้ว่าเป็นเพื่อน เป็นพันธมิตรได้อย่างสนิทใจ ด้วยความใกล้ชิด การไปมาหาสู่ของคนทั้งสองประเทศในปัจจุบัน ผมคิดว่าอีกไม่นานนักเราอาจจะสามารถเรียกความสัมพันธ์ระหว่างกันว่าเป็นความสัมพันธ์พิเศษอย่างที่เคยเป็นมาในอดีตได้อย่างแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image