เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจากสำนักข่าวเอพี, เอเอฟพี, รอยเตอร์ ที่ให้ความสนใจเกาะติดการเลือกตั้งไทยในครั้งนี้ตลอดเวลานับตั้งแต่เปิดให้มีการลงคะแนนเสียงแล้ว ยังมีสื่อต่างชาติในหลายรูปแบบติดตามและนำเสนอการเลือกตั้งครั้งนี้ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ซีเอ็นเอ็นของสหรัฐอเมริกา, โทรทัศน์อัลจาซีราในตะวันออกกลาง, เอ็นเอชเคของญี่ปุ่น, สเตรทส์ไทม์สของสิงคโปร์ เป็นต้น รวมถึงเว็บไซต์ของบางประเทศในภาคพื้นแอฟริกา อย่าง เจอร์นาลดูคาเมรูน ในประเทศแคเมอรูน เป็นต้น
เอ็นเอชเครายงานว่า หน่วยเลือกตั้งของไทยราว 90,000 หน่วย เปิดให้ลงคะแนนเสียงพร้อมกันเมื่อเวลา 08.00 น. โดยเป็นการใช้สิทธิเพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 500 ที่นั่ง ซึ่งถือเป็นการเปิดให้ใช้สิทธิดังกล่าวนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารขึ้นในปี 2557 เรื่อยมา โดยตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างมากในระบบการคำนวณคะแนนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้ยากที่จะมีพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งสามารถครองเสียงข้างมากเด็ดขาดได้ในสภา ซึ่งส่งผลให้ผู้ลงคะแนนคงจำเป็นต้องรอคอยการเจรจาต่อรองระหว่างพรรคการเมืองในการร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล จึงจะสามารถรู้ได้ว่าใครจะเป็นผู้นำประเทศต่อไป
เว็บไซต์สกายนิวส์รายงานการเปิดให้หย่อนบัตรในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเบรกกิงนิวส์ในเช้าวันเดียวกันนี้ โดยระบุด้วยว่า จำนวนผู้มาใช้สิทธิในการเลือกตั้งได้รับการคาดหมายว่าจะอยู่ในระดับสูงมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้มีสิทธิในการลงคะแนน 51.4 ล้านคน และอ้างความเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้มาใช้สิทธิเป็นจำนวนมาก ที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบระลอกใหม่ขึ้นตามมา
ส่วนเว็บไซต์ทีอาร์ที นิวส์ ระบุด้วยว่า กลุ่มสังเกตการณ์การเลือกตั้งนานาชาติอย่างเครือข่ายเพื่อการเลือกตั้งเสรีแห่งเอเชีย (อันเฟรล) ยอมรับว่ามีข้อจำกัดในการสังเกตการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้ สาเหตุเพราะได้รับอนุญาตให้เข้าสังเกตการณ์ได้ในระยะประชิดเกินไป แต่ยังคงหวังว่าจะสามารถระดมเจ้าหน้าที่ราว 40 คน ให้ทำหน้าที่สังเกตการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้ลดลงจากที่คาดหวังถึงครึ่งหนึ่ง
