รายงานของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ความยาว 45 หน้า ที่เอเอฟพีได้รับเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ระบุว่า ราว 24 เปอร์เซ็นต์ของชาวเวเนซุเอลา หรือราว 7 ล้านคน กำลังตกอยู่ในภาวะลำบากต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยประชาชนเหล่านี้กำลังอยู่ในภาวะขาดสารอาหารและป่วยเป็นโรคเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ลง
ตัวเลขของยูเอ็นระบุด้วยว่า ปี 2018 มีประชากร 94 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดที่อยู่ในภาวะอดอยาก ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจนอย่างหนักถึง 60 เปอร์เซ็นต์ หนึ่งในผลกระทบที่ร้านยแรงที่สุดของวิกฤตครั้งนี้คือเรื่องของโภชนาการ เนื่องจากในช่วงปี 2014-2017 ปริมาณการบริโภคเนื้อสัตว์และพืชผักในเวเนซุเอลาลดลงไปถึง 77 เปอร์เซ็นต์
ตามรายงานของยูเอ็น ระบุด้วยว่า มีประชาชนราว 3.7 ล้านคนที่อยู่ในภาวะขาดสารอาหาร ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงปี 2010-2012 และมีเด็กที่อายุไม่ถึง 5 ขวล อย่างน้อย 22 เปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในภาวะทุพโภชนาการเรื้อรัง ขณะที่โรคที่สามารถป้องกันได้ เช่น วัณโรค โรคคอตีบ โรคหัด และมาลาเรีย ได้กลับมาปรากฏอีกครั้ง และโรคไวรัสตับอักเสบ เอ ได้มีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการขาดแคลนการเข้าถึงน้ำดื่มที่ปลอดภัย
ข่าวระบุว่า รายงานดังกล่าวจะนำเสนอต่อรัฐบาลของนายนิโกลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาในสัปดาห์นี้ โดยรัฐบาลของมาดูโรกล่าวหาว่ามาตราการคว่ำบาตรต่อเวเนซุเอลาของสหรัฐทำให้เวเนซุเอลาต้องเจอกับวิกฤตเศรษฐกิจ
