สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า ความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะต้องออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือที่เรียกกันว่า “เบร็กซิท” เป็นประเด็นสำคัญในการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (จี7) ที่เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 2 วัน เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 21 พฤษภาคม โดยนายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษเตือนว่า เบร็กซิทอาจทำลายข้อตกลงทางการค้าระหว่างอังกฤษกับชาติอียู
ทั้งนี้ อังกฤษจะลงประชามติตัดสินว่าจะอยู่หรือออกจากอียูในวันที่ 23 มิถุนายน และนายออสบอร์นอยู่ฝ่ายที่รณรงค์ให้อังกฤษอยู่กับอียูต่อไปเช่นเดียวกับนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยนายปิแอร์ มอสโควิซี กรรมาธิการเศรษฐกิจยุโรปที่เข้าร่วมในการประชุมนี้ด้วยระบุว่า จี7 ซึ่งประกอบไปด้วย สหรัฐ ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี แคนาดา สนับสนุนให้อังกฤษอยู่ในอียูต่อไป
นอกจากนี้ การเจรจาหารือยังเน้นไปที่เรื่องว่าบรรดาชาติร่ำรวยในจี7 จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในสภาพเซื่องซึมได้อย่างไร รวมถึงเรื่องการสกัดกั้นเส้นทางการให้เงินทุนสนับสนุนการก่อการร้าย และความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องนโยบายทางการเงิน ซึ่งประเด็นหลังสุดนี้เป็นเรื่องที่สร้างรอยร้าวทอดเงาปกคลุมการประชุมครั้งนี้
นายแจ็ค ลูว์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ส่งสัญญาณทักท้วงต่อการแทรกแซงค่าเงินเยนให้อ่อนกว่าปกติเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ในการหารือทวิภาคีกับนายทาโร อาโสะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น ขณะที่นายอาโสะย้ำถึงความสำคัญของเสถียรภาพในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราและว่าญี่ปุ่นมีพันธกรณีในการหลีกเลี่ยงการทำให้ค่าเงินอ่อนกว่าความเป็นจริงเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
