‘วีรชัย’ ในความทรงจำ

(แฟ้มภาพ) REUTERS

หมายเหตุ “มติชน” การจากไปของท่านทูต วีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่จะทำให้ทุกคนที่ได้ทราบต่างตกใจกับข่าวร้ายอันไม่คาดคิด และเสียใจที่คนมีความสามารถรอบด้าน ซึ่งน่าจะทำประโยชน์อีกมากมายให้กับประเทศไทยได้จากไปก่อนวัยอันควร “มติชน” จึงเปิดพื้นที่ตรงนี้ เพื่อให้พี่น้องผองเพื่อนไปจนถึงคนที่รู้จักและใกล้ชิดสนิทสนมกับ “ทูตแสบ” ได้ทำให้พวกเราคนไทยเห็นถึงมุมของความเป็นมนุษย์ที่มีครบรส ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า 58 ปีที่ผ่านมา ทูตแสบได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่ามากที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งพึงกระทำได้แล้ว

สัปดาห์นี้เป็นความทรงจำจาก ธนา เวสโกสิทธิ์ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรมที่เป็นเสมือน ‘บ้าน’ ของทูตแสบในกระทรวงการต่างประเทศ และ ปรินทร อภิญญานันท์ หนึ่งในอดีตเลขาฯคู่ใจ

 

Advertisement

ธนา เวสโกสิทธิ์

อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย

 

Advertisement

ชีวิตราชการในกระทรวงการต่างประเทศของผม มีบุคคลที่ผมยึดถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ราชการอยู่หลายท่าน หนึ่งในบุคคลเหล่านั้นคือ ท่านทูตวีรชัย พลาศรัย หรือที่พวกเราเรียกว่า “พี่แสบ”

วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2562 เป็นอีกวันหนึ่งที่จะอยู่ในความทรงจำของพวกเรา ชาวกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ผมเชื่อว่าทุกคนที่ทำงานที่กรมฯ ย่อมรู้จักพี่แสบเป็นอย่างดี และคงจะรู้สึกเช่นเดียวกับผมเมื่อทราบข่าวการจากไปของพี่แสบ เป็นความรู้สึกถึงการสูญเสียผู้บังคับบัญชาที่เปรียบเสมือนครู พี่ชาย และเพื่อน ที่พวกเรารักและผูกพัน

ผมรู้จักพี่แสบจริงๆ ในช่วงที่พี่แสบกลับจากประจำการที่เจนีวา มาเป็นผู้อำนวยการกองสนธิสัญญา ส่วนผมกลับจากประจำการที่ออตตาวา และมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาพี่แสบที่กองสนธิสัญญา ก่อนหน้านี้ ผมได้ยินจากพี่ๆและน้องๆ ในกรมสนธิสัญญาและกฎหมายว่า พี่แสบเป็นคนเก่ง เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถด้านกฎหมายระหว่างประเทศดีเยี่ยม และเมื่อได้มาพบตัวจริงเสียงจริงก็สามารถยืนยันสิ่งที่ได้ยินมาว่าถูกต้องทุกประการ

ช่วงที่พี่แสบเป็นผู้อำนวยการกองสนธิสัญญา พี่แสบมักจะชวนพวกเราไปหาอาหารกลางวันอร่อยๆ ร้านในตำนานทานกันอยู่เสมอ ทำให้พวกเราได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์ด้านอาหารอร่อยจากพี่แสบโดยไม่รู้ตัว และในช่วงที่พี่แสบประจำการที่เฮก และนิวยอร์ก หลายครั้งที่พี่แสบกลับมาราชการที่ประเทศไทย ทุกครั้งที่กลับมา พี่แสบจะมาทานข้าวกับพวกเราที่กรมฯ เสมอ อาหารที่ทานกับพวกเราเป็นประจำ คือ เกาเหลาสมองหมู (ใส่สมองหมูน้อยๆ) ปลาดุกทอดกรอบผัดเผ็ด และปลาดุกทอดกรอบผัดกระเพรา (ต้องมีทั้งสองจาน) รวมทั้งเต้าหู้ทอดเจ้าประจำ

พี่แสบเป็นคนที่ทำงานอย่างจริงจัง มีความรู้ความสามารถด้านกฎหมายระหว่างประเทศ และด้านภาษาทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสดีมาก เป็นที่ยอมรับนับถือในวงการกฎหมายไม่เฉพาะในประเทศ แต่รวมถึงวงการกฎหมายระหว่างประเทศด้วย พี่แสบเป็นคนที่ลงลึกในรายละเอียดของทุกเรื่องและมีความรับผิดชอบในการทำงานสูง ทั้งงานด้านวิชาการและงานบริหารจัดการ ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ

ในช่วงที่ผมร่วมทำงานในทีมเตรียมการคดีพระวิหาร ผมสามารถพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า ประเทศไทยมีทีมต่อสู้คดีที่ดีที่สุดภายใต้การนำของพี่แสบ พวกเราศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ ลงสำรวจพื้นที่ที่เกี่ยวข้องทุกแห่ง ซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งพี่แสบพูดกับพวกเราเสมอว่า เราต้องทำงานให้ละเอียดรอบคอบที่สุดชนิดที่เรียกว่าพลิกก้อนหินทุกก้อน เราต้องทำให้ดีที่สุด คนภายนอกกระทรวงการต่างประเทศหรือแม้แต่คนภายในกระทรวงการต่างประเทศบางส่วน อาจจะไม่รู้ถึงความทุ่มเททั้งชีวิตของพี่แสบและน้องๆ ในทีม  ซึ่งพี่แสบและพวกเราก็คงไม่ได้ต้องการให้ทุกคนต้องรับรู้ แต่คงขอเก็บไว้เป็นความภาคภูมิใจของพวกเราที่ได้ทุ่มเท เสียสละ เพื่อประเทศชาติในบทบาทของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศอย่างเต็มกำลังความสามารถ

ด้วยการที่ผมได้ร่วมเดินทางไปราชการในต่างประเทศกับพี่แสบอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีโอกาสได้คุยกับพี่แสบในเรื่องต่างๆ นอกเหนือจากเรื่องงานอยู่เสมอ ซึ่งผมก็ได้เรียนรู้หลายๆ เรื่องจากพี่แสบ และทำให้ทราบว่า พี่แสบเป็นคนที่มีวินัยในการดำเนินชีวิตสูง จัดสรรเวลาได้เป็นอย่างดี ใช้ชีวิตอย่างเป็นแบบแผน ทำงาน เล่นดนตรี และสังสรรกับเพื่อนฝูง ซึ่งคงเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่แสบมีเพื่อนที่รักพี่แสบจากหลากหลายกลุ่ม

ต่อจากนี้ไปพวกเราชาวกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ไม่มีพี่แสบคอยให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ อีกต่อไปแล้ว พวกเราคงต้องปรับตัวและสานต่อเจตนารมณ์ของพี่แสบในเรื่องต่างๆ ที่พี่แสบได้ริเริ่มไว้ต่อไป และพี่แสบคงจะอยู่ในความทรงจำที่ดีของพวกเราตลอดไป

 

ปรินทร อภิญญานันท์

นักการทูตชำนาญการ (ที่ปรึกษา)

 

บทสนทนาในความทรงจำ ระหว่าง เลขาวุ่นวายกับเจ้านายชื่อ “แสบ”

 

ก่อนที่พี่แสบจะเป็นอธิบดี

พี่แสบ: คุณคิดยังไงที่ผมกำลังจะเป็นอธิบดี?

ไผ่: (คำถามลวงหรือเปล่าเนี่ย) ก็ไม่ยังไง เฉยๆ แต่ก็ยินดีกับพี่ด้วย

พี่แสบ: ดีแล้ว ต่อไปคุณไม่ต้องเรียกผมว่า “ท่านอธิบดี” นะ เรียกผมว่า “พี่แสบ” เหมือนเดิมนี่แหละ

ไผ่: ได้ ดีเหมือนกัน ไผ่เองคงไม่ชิน กลัวพี่จะเขินด้วย

พี่แสบ: นั่นสิ เอ ถ้าอย่างนั้นเราจะเป็นอะไรกันดีล่ะ?

ไผ่: ก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันไง เราก็แค่มีบทบาทและหน้าที่ต่างกัน และพี่ได้เงินเดือนมากกว่าไผ่

 

ตอนพี่แสบชวนเป็นเลขา

พี่แสบ: คุณรู้มั้ยว่า ผมเรียกคุณมาทำไม?

ไผ่: ไม่รู้สิ พี่จะดุไผ่หรือเปล่า? ไผ่ทำอะไรผิด?

พี่แสบ: (หัวเราะ) เปล่า ผมอยากให้คุณมาเป็นเลขาหน้าห้องผม

ไผ่: (ตกใจ) อุ้ย! ไม่น่าจะดีนะ เพราะไผ่มาทำงานสายมาก

พี่แสบ: คุณมาทำงานกี่โมง?

ไผ่: (เสียงเบา) สิบ…โมง

พี่แสบ: ไม่เป็นไร ผมมาทำงานเก้าโมงครึ่ง ตอนที่คุณยังไม่มา ใครโทรหาคุณ ผมจะรับให้เอง เอาเป็นว่า ผมจะเป็นเลขาคุณครึ่งชั่วโมงตอนเช้า แล้วหลังจากนั้นคุณก็เป็นเลขาผมทั้งวัน

ไผ่: มันไม่น่าจะดีนะพี่ อีกอย่าง ไผ่ไม่ค่อยมีจิตบริการนะ ไม่เคยต้องชงน้ำชากาแฟ ส่งพวงหรีด ส.ค.ส. เปิดประตู หรือหิ้วกระเป๋าให้ใคร

พี่แสบ: คุณไม่ต้องทำเรื่องพวกนั้นเลย เดี๋ยวผมจะหาคนมาช่วยคุณเอง คุณดูแต่แฟ้มอย่างเดียว แต่ละแฟ้ม ก่อนที่จะมาถึงผม ให้คุณเอาไปซีร็อกซ์ก่อน แล้วแก้ตามใจคุณเลย ถ้าตรงไหนผมชอบ ผมก็จะลอกคุณ ถ้าตรงไหนผมเห็นว่ายังไม่ใช่ ผมก็จะเรียกคุณมาคุยกัน

ไผ่: แต่ไผ่เพิ่งเข้ามาทำงานเองนะ ประสบการณ์ยังน้อยอยู่ จะทำให้พี่ผิดหวังเปล่าๆ

พี่แสบ: ไม่เป็นไร คิดซะว่า เราแต่งงานกันนะ ถ้าวันนึงคุณเกิดไม่ชอบผมขึ้นมา คุณก็แค่ขอผมหย่า หรือว่าหากวันนึง ผมเกิดไม่ชอบคุณ ผมก็ขอคุณหย่าไง

ไผ่: (อึ้ง) ถ้าพี่บอกว่าเหมือนเราแต่งงานกัน งั้นไผ่ขอกลับบ้านไปถามแม่ก่อนได้มั้ย?

พี่แสบ: ได้ แม่คุณจะใช้เวลาคิดกี่วัน?

ไผ่: เอาจริงดิ? น่าจะสักสัปดาห์นึงมั้ง

พี่แสบ: ตกลง พรุ่งนี้ผมจะบินไปเจรจา FTA ที่ญี่ปุ่น ถ้าแม่คุณตัดสินใจแล้วโทรมาบอกผมทันทีที่โตเกียวเลยนะ

ไผ่: !!?!!

 

พี่แสบหาเพื่อนกินข้าว

พี่แสบ: ผมถามคุณจริงๆ เถอะ ตกลงคุณจะไม่ยอมกินข้าวเที่ยงกับผมเลยใช่มั้ย ที่ผมชวนคุณทุกวันเนี่ย

ไผ่: พี่เข้าใจถูกแล้ว เราทำงานด้วยกันทั้งวัน มีแค่ช่วงกลางวันเท่านั้นเอง ที่ไผ่จะได้ไปเจอคนอื่นบ้าง อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเดี๋ยวคนเค้าจะเม้าท์เอา อีกอย่าง ไผ่ได้ยินมาว่า เมื่อเรามีตำแหน่งสูงขึ้น จะหาเพื่อนกินข้าวด้วยยากขึ้น และจะต้องกินข้าวในที่ทำงานบ่อยๆ ด้วย ตอนนี้ไผ่ยังมีโอกาส ขอไปกินข้าวกับเพื่อนข้างนอกก่อนนะ

 

บ่ายวันหนึ่ง

พี่แสบ: ไผ่ ผมว่า ผมย้ายมาทำงานโต๊ะเดียวกันกับคุณเลยดีมั้ย พอคุณดูแฟ้มเสร็จ คุณก็ยื่นให้ผมดูต่อเลย

ไผ่: ไม่เอา ถ้าพี่ย้ายมาเดี๋ยวไผ่เข้าไปทำงานในห้องพี่แทนนะ!

 

เลเซอร์หน้าใส

ไผ่: วันนี้ไผ่ขอกลับจากกินข้าวเที่ยงสายหน่อยนะ อยากไปทำ IPL

พี่แสบ: มันคืออะไร?

ไผ่: คือการใช้แสงที่มีความเข้มข้นสูงกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง หน้าเราจะได้ไม่เหี่ยว

พี่แสบ: เออ ดี ถ้าคุณทำแล้วดี เดี๋ยวผมไปทำบ้าง

 

เครื่องอัดรายการทีวี

ไผ่: วันนี้ไผ่ขอกลับบ้านเร็วหน่อยได้เปล่า?

พี่แสบ: ทำไมล่ะ? เป็นอะไรหรือป่าว? คุณไม่สบายเหรอ?

ไผ่: เปล่า พอดีวันนี้ละครตอนอวสาน อยากรีบกลับไปดู

พี่แสบ: คุณไม่รู้จักเครื่องอัดรายการทีวีเหรอ เดี๋ยวผมแนะนำร้านให้ บอกเค้าว่าคุณเป็นญาติผม แล้วเค้าจะคิดราคาพิเศษ

 

ที่สนามบิน

พี่แสบ: คุณช่วยแกล้งทำเป็นสนใจผมหน่อยได้มั้ย ดูเลขาท่านรัฐมนตรีสิ เค้าเอาอกเอาใจเจ้านายมากเลยนะ

ผมกลัวว่าคนอื่นจะมองคุณไม่ดี

ไผ่: จริงด้วย งั้นพี่เอากระเป๋ามาให้ไผ่ถือมั้ย?

พี่แสบ: ไม่เป็นไร ผมถือเองได้

ไผ่: แล้วกัน!

 

พี่แสบไม่กินขนม

ไผ่: ไม่เคยเห็นพี่กินขนมเลย ทำไมล่ะ?

พี่แสบ: คุณไม่รู้เหรอ ชายชาตรีเค้าไม่กินขนมกันหรอก

หมายเหตุ: พี่แสบเป็นเบาหวานอย่างแรง แต่ก่อนเคยอ้วนมาก จนหมอบอกว่าให้เลือกเอา ว่าจะลดน้ำหนักหรือจะตาย ตั้งแต่นั้นมา พี่แสบเลยงดของหวานที่มีน้ำตาลมากทุกชนิด จนผอม แต่ก็ชอบดื่มไวน์และเหล้าอยู่ดี

 

ตอนไผ่จะออกนอก

ไผ่: พี่ ไผ่ไม่ไหวแล้วนะ ทำไมไม่ได้ออกนอกเสียที รู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นหมอนวดที่ติดอยู่ค้างตู้ยังไงก็ไม่รู้ สงสัยไผ่นวดไม่เก่ง เลยไม่มีแขกมาอ๊อฟ หรือว่าเจ้าของโรงนวดเค้าอยากเก็บไผ่ไว้ให้เสี่ยรวยๆ ก็ไม่รู้นะ?

พี่แสบ: (หัวเราะแรงมาก ทุบโต๊ะ) ผมนี่ไงเสี่ย คุณไม่อยากอยู่กับผมเหรอ?

 

บนเครื่องบินกลับจากเฮก หลังฟังคำตัดสินของศาลโลก

ไผ่: พี่ เครื่องบินจะลงแล้วนะ ได้ยินว่านักข่าวจะมารอสัมภาษณ์ตรงประตูทางออกหมายเลข 4

พี่แสบ: เหรอ งั้นเราออกทางประตูหมายเลข 10 กันนะ เดี๋ยวผมปลอมตัวด้วยดีกว่า เผื่อคนจะจำไม่ได้

ไผ่: อ้าว ไผ่มาทำงานสารนิเทศนะ มีหน้าที่ต้องเอาตัวพี่ไปสังเวยนักข่าวให้ได้สิ

 

เวลาเป็นของมีค่า

พี่แสบ: คุณว่าอะไรเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของคุณ สำหรับผม เวลามีค่าที่สุด ทุกคนมีเวลาจำกัด และเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว เราก็เรียกมันกลับมาไม่ได้

 

ไผ่ว่าพี่แสบใช้เวลาได้คุ้มจริงๆ แต่พี่น่าจะมีเวลาคุยกับไผ่มากกว่านี้นะ?

 

ระลึกถึงเสมอ

 

ไผ่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image