‘ไอเอ็มเอฟ-เวิลด์แบงก์’ เตือนทั่วโลกหาทางรับมือเศรษฐกิจชะลอตัว

(Chinatopix via AP)

สำนักข่าวเอพีและรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 เมษายน คณะกรรมการอำนวยการในการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ออกแถลงการณ์ปิดการประชุมที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ระบุว่า ตัวแทนในที่ประชุมซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีคลังและผู้การธนาคารกลางของประเทศทั่วโลกรับปากที่จะร่วมมือกันใกล้ชิดยิ่งขึ้นเพื่อยกระดับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกให้พ้นจากภาวะชะลอตัวอย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ซึ่งเป็นระดับการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 3 ปี ในขณะที่ยังมีเมฆหมอกที่เกิดจากปัญหาความขัดแย้งทางการค้าและภาวะตึงตัวทางการเงินเป็นปัจจัยสำคัญคุกคาม จนอาจส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอลงมากยิ่งขึ้นไปอีก แม้นักวิชาการของไอเอ็มเอฟ เชื่อว่าในปี 2563 นี้เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวมั่นคงขึ้นก็ตาม

นายเลเซเทีย กันยาโก ประธานธนาคารกลางแอฟริกาใต้ แถลงในนามโฆษกของไอเอ็มเอฟระบุว่า ทุกประเทศเห็นพ้องกันว่าจำเป็นต้องดำเนินการในทันทีเพื่อปกป้องการขยายตัวของเศรษฐกิจ นโยบายทางการเงินยังคงจำเป็นต้องยืดหยุ่นและเอื้อต่อการเติบโต สร้างแนวป้องกันการทรุดตัวและต้องหาจุดสมดุลที่ดีระหว่างหนี้สินกับความต้องการเงินทุนเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากแม้ในปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้น แต่สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้า, ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ยังคงเป็นเงื่อนไขเสี่ยงที่ท้าทายต่อทุกประเทศ

การประชุมครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นด้วยการเผยแพร่รายงานภาพรวมเศรษฐกิจล่าสุดของไอเอ็มเอฟ ที่ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิโลกลงอีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 6 เดือนโดยเชื่อว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะขยายตัวเพียง 3.3 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ซึ่งลดลงจากที่เคยคาดไว้แต่เดิมในเดือนมกราคม 0.2 เปอร์เซ็นเทจพอยต์ และถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตามการดำเนินมาตรการตอบสนองของธนาคารของประเทศสำคัญๆ รวมทั้งกองทุนสำรองแห่งรัฐ (เฟด) หรือธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาที่ระงับการขึ้นดอกเบี้ยไว้ชั่วคราวก็ช่วยให้สถานการณ์ทางการเงินระหว่างประเทศดีขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมาและน่าจะขยายตัวมั่นคงขึ้นในปีหน้าแต่การฟื้นตัวดังกล่าวยังถูกคุกคาม โดยเฉพาะถ้าหากเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลายอย่าง สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป ชะลอตัวอ่อนแอลง นายทาโร อาโสะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นระบุว่า ภาวะชะลอตัวในประเทศเศรษฐกิจสำคัญเหล่านี้ จะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกเสื่อมทรามลงอีกครั้ง

นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางแห่งยุโรประบุว่า แรงฉุดของเศรษฐกิจโลกต่อภาวะเศรษฐกิจรวมของอียูผ่อนคลายลงและคาดว่าอียูจะสามารถฟื้นตัวได้ตามคาดในครึ่งหลังของปีนี้ แม้ว่าจะยังคงเสี่ยงต่อการเกิดภาวะฮาร์ดเบร็กซิทและสงครามการค้าอยู่บ้างก็ตาม ในขณะที่นายสตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนกำลังจะเข้าสู่ “รอบสุดท้าย” และครอบคลุมกว้างขวางกว่าที่เคยคาดหมายกันไว้มาก โดยในสัปดาห์หน้าการเจรจาการค้ากับญี่ปุ่นก็จะเริ่มต้นขึ้น โดยจะครอบคลุมไปถึงประเด็นปัญหาในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินดอลลาร์และเยนอีกด้วย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image