ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐอเมริกา เปิดฉากการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 3 วันแล้วเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม โดยการเยือนเวียดนามเป็นครั้งแรกของโอบามาและถือเป็นครั้งที่ 3 ของประธานาธิบดีสหรัฐที่เดินทางเยือนขณะดำรงอยู่ในตำแหน่งนับแต่สิ้นสุดสงครามเวียดนามในปี 1975 นั้น มีวาระสำคัญมุ่งเน้นไปที่การกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและความมั่นคงที่มีอยู่ระหว่างกันให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
ประธานาธิบดีโอบามากล่าวกับประธานาธิบดีเจิ่น ด่าย กวาง ของเวียดนาม หลังจากเสร็จสิ้นพิธีต้อนรับและจับมือทักทายกันในการพบปะที่ทำเนียบประธานาธิบดีเวียดนาม ในกรุงฮานอย โดยโอบามากล่าวชื่นชมการพัฒนาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นระหว่างสหรัฐและเวียดนามในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแสดงความหวังว่าการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งนี้ของตนจะแสดงให้ชาวเวียดนามเห็นถึงความอบอุ่นและมิตรภาพที่มีอยู่ระหว่างสองประเทศ
ในการแถลงข่าวร่วมกัน ผู้นำสหรัฐยังได้ประกาศยกเลิกมาตรการห้ามการค้าอาวุธที่สหรัฐใช้กำราบเวียดนามมานานหลายทศวรรษนับแต่การปฏิปักษ์กันในสงครามเวียดนาม อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐยังคงมีความระมัดระวังเป็นพิเศษในประเด็นนี้ที่อาจกระทบต่อจีน โดยออกตัวว่า “การตัดสินใจยกเลิกมาตรการห้ามการค้าอาวุธดังกล่าวไม่ได้ยึดโยงจีนเป็นหลัก แต่เป็นความปรารถนาของเราที่จะทำให้การปรับความสัมพันธ์ระดับปกติกับเวียดนามที่ดำเนินมายาวมีความสมบูรณ์” โอบามากล่าว และว่า ขณะนี้ทั้งสองประเทศได้พัฒนาความสัมพันธ์มาสู่ระดับที่มีความเชื่อมั่นและร่วมมือกัน รวมถึงทางด้านการทหารด้วย
ด้านประธานาธิบดีเวียดนามกล่าวแสดงความยินดีที่สหรัฐยกเลิกการคว่ำบาตรการค้าอาวุธต่อเวียดนาม
หลังจากนั้นผู้นำสหรัฐมีกำหนดพบหารือกับนายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม รวมถึงนายเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ที่ถือเป็นคนทกุมอำนาจที่แท้จริงในเวียดนาม ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
ข่าวระบุว่า สหรัฐและเวียดนามมีผลประโยชน์ด้านความมั่นคงร่วมกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่จีนยังคงเสริมสร้างอิทธิพลในทะเลจีนใต้ที่เป็นพื้นที่พิพาทซึ่งเวียดนามและหลายชาติในเอเชียต่างอ้างสิทธิอธิปไตย นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโอบามายังจะเดินทางต่อไปยังนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางเศรษฐกิจของเวียดนามในวันรุ่งขึ้น เพื่อพบปะกับกลุ่มนักลงทุน
