สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษเตือนเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ว่าการออกจากสหภาพยุโรป (อียู) จะทำให้อังกฤษร่วงหล่นสู่ “ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นเวลานาน 1 ปี” นับเป็นการแสดงความคิดเห็นในช่วงที่การรณรงค์หาเสียงเริ่มเข้มข้นขึ้น จากที่เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือน จะถึงกำหนดการลงประชามติเรื่องการเป็นสมาชิกภาพอียูของอังกฤษ
บทวิเคราะห์ของกระทรวงการคลังอังกฤษที่เผยแพร่วันเดียวกันนี้ระบุว่า การออกจากอียูของอังกฤษที่เรียกว่า “เบร็กซิท” จะก่อให้เกิดผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรงแบบทันทีทันใดและสร้างความเสียหายต่ออัตราการเติบโต
นายออสบอร์นระบุไว้ในแถลงการณ์ที่ออกร่วมกับบทวิเคราะห์ว่า “เหลือเวลาอีกแค่ 1 เดือนจะถึงการลงประชามติ ชาวอังกฤษจะต้องถามตนเองว่า รู้หรือไม่ว่ากำลังลงมติให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย?”
บทวิเคราะห์ฉบับดังกล่าวให้ภาพเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ 2 แบบ หากผู้มีสิทธิออกเสียงลงมติเลือกออกจากอียู โดยสถานการณ์แรกคือ “การได้รับผลสะเทือน” ที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะลดลงมากกว่าที่ควรจะเป็น 3.6 เปอร์เซ็นต์ หลังจากช่วงเวลา 2 ปี ขณะที่อีกสถานการณ์หนึ่งที่ “ได้รับผลสะเทือนอย่างรุนแรง” จีดีพีจะลดลงมากกว่าที่ควรจะเป็น 6 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ นายออสบอร์นอยู่ฝ่ายที่รณรงค์ให้อังกฤษอยู่กับอียูต่อไป เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ
ด้านกลุ่มสนับสนุนให้อังกฤษออกจากอียูกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามว่าใช้กลยุทธ์ที่เล่นกับความกลัวของผู้คน โดยนายเอียน ดันแคน สมาชิกระดับสูงในพรรคอนุรักษนิยมซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของนายคาเมรอน ที่สนับสนุนเบร็กซิทเมินบทวิเคราะห์ดังกล่าว โดยระบุว่า “ไม่ใช่การประเมินที่ตรงไปตรงมา”