เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างสื่อญี่ปุ่นระบุว่า เจ้าหน้าที่ทางการกำลังเร่งตามล่าแก๊งอาชญากรข้ามชาติที่ก่อเหตุปล้นเงินจากตู้เอทีเอ็มถึง 1,400 ตู้ทั่วประเทศญี่ปุ่น ได้เงินไปรวมกันสูงถึง 1,400 ล้านเยน หรือประมาณ 461.5 ล้านบาท โดยใช้บัตรเครดิตปลอมที่ระบุข้อมูลว่าออกโดยธนาคารสแตนดาร์ดแบงก์ในประเทศแอฟริกาใต้ นำไปกดเงินตามตู้เอทีเอ็มต่างๆ ทั่วญี่ปุ่นเมื่อกลางเดือนนี้
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า แก๊งอาชญากรที่ปล้นเงินจากตู้เอทีเอ็มดังกล่าวเชื่อว่าน่าจะมีอยู่ประมาณราว 100 คน ที่แต่ละคนออกก่อเหตุถอนเงินตามตู้เอทีเอ็มอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง ได้เงินไปรวมกันถึง 1,400 ล้านเยน โดยตู้เอทีเอ็มในกรุงโตเกียวและนครโอซาก้า เป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายของแก๊งอาชญากร ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าแก๊งอาชญากรที่ก่อเหตุถอนเงินไปจากตู้เอทีเอ็มต่างๆ ได้จำนวนมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่โดยปกติแล้วตู้เอทีเอ็มในประเทศญี่ปุ่นกำหนดให้ถอนเงินได้ไม่เกินวันละ 100,000 เยน
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นปฏิเสธที่จะให้การยืนยันว่ามีกรณีการปล้นตู้เอทีเอ็มของอาชญากรต่างชาติเกิดขึ้น ทว่าธนาคารสแตนดาร์ดแบงก์ในญี่ปุ่นยอมรับว่ามีการปล้นเงินจากตู้เอทีเอ็มของทางธนาคารเกิดขึ้นจริง และทำให้ทางธนาคารสูญเงินไปแล้วถึงราว 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หนังสือพิมพ์โยมิอูริชิมบุนรายงานว่า การก่อเหตุปล้นตู้เอทีเอ็มทั่วประเทศญี่ปุ่นเกิดขึ้นในช่วงเช้าวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ที่ธนาคารปิดทำการ นั่นอาจทำให้แก๊งโจรมีเวลามากพอที่จะเที่ยวกดถอนเงินสดและเดินทางออกนอกประเทศญี่ปุ่นไปก่อนที่จะเจ้าหน้าที่ทางการจะดำเนินการอะไรได้
คาดว่าเจ้าหน้าที่ทางการญี่ปุ่นจะตรวจวิเคราะห์จากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่บริเวณตู้เอทีเอ็มเพื่อระบุตัวคนร้าย และร่วมกับเจ้าหน้าที่ทางการแอฟริกาใต้ในการติดตามรอยแก๊งอาชญากรแก๊งนี้เพื่อจับกุมต่อไป
